สตช.ยอมรับ’หมายเรียกผู้ต้องหา’มีปัญหา จ่อยกเครื่องระเบียบใหม่ให้ยุติธรรม
สตช.ยอมรับ “หมายเรียกผู้ต้องหา” ปัจจุบัน มีปัญหาก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมต่อประชาชนผู้ถูกกล่าวหา เตรียมยกเครื่องระเบียบใหม่เพื่อให้เกิดความยุติธรรมสอดคล้องกับหลักสากล
มีรายงานว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 มี.ค. 2564 เวลา 09.30 น. ได้มีการประชุมอนุกรรมาธิการการยุติธรรมในคณะกรรมาธิการกฎหมายฯ สภาผู้แทนราษฎร โดยได้พิจารณาข้อเสนอของสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม (สป.ยธ.) ตามที่ พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการฯ ได้มีหนังสือถึงนายอาดิลัน อาลีอิสเฮาะ ประธานอนุกรรมาธิการให้พิจารณาปรับปรุงแบบการออกหมายเรียกผู้ต้องหาของตำรวจทุกหน่วย ซึ่งนอกจากหมายเรียกจะกำหนดให้ไปพบตามวันเวลาที่แจ้งตามข้อหาที่ระบุดังที่ปฏิบัติอยู่ในปัจจุบันแล้ว ควรจะต้องมีข้อความที่แจ้งให้ทราบด้วยว่า ผู้ถูกออกหมายเรียกเป็นผู้ต้องหานั้น ได้กระทำความผิดอาญาตามข้อกล่าวหาดังกล่าวในวันเวลาและสถานที่ใด รวมทั้งมีพฤติการณ์การกระทำผิดอย่างไร เพื่อที่จะได้เข้าใจและสามารถเตรียมพยานหลักฐานไปพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกได้อย่างถูกต้อง ต่างกับการปฏิบัติในปัจจุบันที่ผู้ถูกออกหมายเรียกเป็นผู้ต้องหาต้องไปพบพนักงานสอบสวนตามกำหนดโดยไม่ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการกระทำผิดตามที่มีผู้กล่าวหาอะไรเลย ซึ่งก่อให้เกิดความเดือดร้อนไม่เป็นธรรมต่อประชาชนอย่างมาก
ที่ประชุมได้เชิญ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และหน่วยงานใช้อำนาจสอบสวนและออกหมายเรียกผู้ต้องหาอีกหลายหน่วยเข้าร่วมชี้แจง ประกอบด้วยอธิบดีกรมการปกครอง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รวมทั้งสำนักงานศาลยุติธรรมในฐานะหน่วยเกี่ยวข้องที่จะต้องพิจารณาเมื่อพนักงานสอบสวนนำไปเสนอศาลให้ออกหมายจับหลังจากผู้ถูกออกหมายเรียกไม่ไปพบตามกำหนด
ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาแบบหมายเรียกของสำนักงานตำรวจแห่งชาติปัจจุบันแล้วเห็นว่า ควรมีการปรับปรุงโดยเร็วตามที่ สป.ยธ.เสนอ เพื่อให้เกิดความยุติธรรมต่อประชาชน รวมทั้งอำนาจในการออกหมายเรียกผู้ต้องหา ก็ควรกำหนดให้ออกได้เฉพาะผู้เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนของหน่วยสอบสวนนั้นเท่านั้นเช่นที่กรมสอบสวนคดีพิเศษกำหนดให้ระดับ ผอ.สำนักฯ เป็นผู้ลงนามด้วย
ตัวแทน ผบ.ตร.ได้ยอมรับว่า การออกหมายเรียกของตำรวจทุกหน่วยในปัจจุบันมีปัญหาจริง เนื่องจากไม่ปรากฎรายละเอียดเกี่ยวกับวันเวลาสถานที่และพฤติการณ์การกระทำผิดเพื่อที่ผู้ถูกออกหมายเรียกจะได้เตรียมพยานหลักฐานไปพบพนักงานสอบสวนได้อย่างถูกต้องเกิดความยุติธรรมต่อประชาชนผู้ถูกกล่าวหา อย่างไรก็ตาม การออกหมายเรียกผู้ต้องหาตามแบบฟอร์มดังกล่าวได้ถือปฏิบัติมานานตั้งแต่ใช้ ป.วิ อาญา มากว่า 80 ปี เนื่องจากในมาตรา 52 ไม่ได้กำหนดให้ระบุรายละเอียดดังกล่าวแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม เห็นว่า ปัจจุบันควรปรับปรุงตามที่ สป.ยธ.เสนอและข้อพิจารณาของอนุกรรมาธิการฯ เพื่อให้เกิดความยุติธรรมต่อประชาชนจะได้รู้ว่าถูกกล่าวหาว่าไปกระทำผิดเมื่อใดสถานที่ใดและมีพฤติการณ์การกระทำผิดอย่างไร เพื่อจะได้เตรียมพยานหลักฐานไปแสดงต่อพนักงานสอบสวนในวันที่ไปพบได้อย่างถูกต้อง ซึ่งการปรับปรุงนี้ สามารถทำได้ด้วยการออกระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยกำหนดแบบฟอร์มไว้ท้ายระเบียบดังกล่าว
นอกจากนั้นก็เห็นด้วยว่า การออกหมายเรียกผู้ต้องหาควรกระทำโดยหัวหน้าพนักงานสอบสวนไม่ว่าจะเป็นสถานีหรือหน่วยสอบสวนนั้นเป็นอย่างน้อยเช่นเดียวกับการปฏิบัติของกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อให้เกิดการกลั่นกรองและความรับผิดชอบอย่างชัดเจน เป็นการลดความเดือดร้อนของประชาชนจากการถูกพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกเป็นผู้ต้องหาอย่างไม่เป็นธรรมเนื่องจากปราศจากพยานหลักฐานการกระทำผิดที่ชัดเจนเช่นที่ปฏิบัติกันในปัจจุบัน
โดยผู้แทน ตร.จะได้ประมวลปัญหาดังกล่าวและมติที่ประชุมอนุกรรมาธิการฯ เสนอต่อ ผบ.ตร.เพื่อทราบและให้รีบดำเนินการโดยเร็ว และจะได้แจ้งผลการพิจารณาเบื้องต้นรวมทั้งความคืบหน้าของการออกระเบียบให้คณะอนุกรรมาธิการทราบเป็นระยะๆ ต่อไป