เหยื่อตร.แม่อายรีดไถยื่นรมว.ยุติธรรมช่วยเหลือหลังตกเป็นผู้ต้องหา-ภรรยาหายตัวไป7เดือน

 

ที่กระทรวงยุติธรรม ถ.แจ้งวัฒนะ วันที่12ม.ค.64  ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม(สมศักดิ์ เทพสุทิน) พร้อมด้วย พ.ต.ท.ธัญญะ ระย้า ผู้อำนวยการสำนักงานคุ้มครองพยาน และ พ.ต.อ.อัครพล บุณโยปัษฎัมภ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับเรื่องร้องเรียนจากนายฐานะพล เสาวคนธ์ เจ้าของร้านอาหารใน จ.เชียงใหม่ เพื่อขอความเป็นธรรมกรณีที่ตนเองและภรรยาถูกแจ้งข้อกล่าวหาว่าแจ้งความเท็จกรณีที่ตนและภรรยาเคยแจ้งความว่าถูกตำรวจสภ.แม่อาย รีดไถเงินจำนวน 3แสนบาท และขอให้ติดตามหาตัวภรรยาซึ่งหายตัวไปตั้งแต่เดือนมิถุนายน2563  ซึ่งคาดว่าอาจมีบุคคลอื่นพาตัวไปและอาจเกิดอันตราย โดยปัจจุบันยังตามตัวภรรยาไม่พบ

ว่าที่ร้อยตรีธนกฤต กล่าวว่า สืบเนื่องเมื่อช่วงเดือน ก.พ. 63 ผู้เสียหายและภรรยา คือ น.ส.พิมพ์ชนก นายประทุม (นามสกุล) เดินทางกลับจากไปทำธุระที่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ มีตำรวจ 7 นายตั้งด่านกรรโชกทรัพย์จำนวน 300,000 บาท เพราะภรรยาเป็นคนต่างด้าวไม่มีบัตรประชาชน ต่อมาเดือน มิ.ย. 63 ผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์ต่อกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เพื่อเอาผิดตำรวจชุดดังกล่าว โดยนำสลิปการโอนเงินมอบไว้เป็นหลักฐานและมีคำสั่งให้ตำรวจจำนวนทั้ง 5 นายออกจากราชการไว้ก่อน ส่วนอีก 2 นายอยู่ระหว่างกระบวนการตรวจสอบ รวมทั้งแจ้งความที่ สภ.แม่อาย เอาผิดต่อตำรวจในข้อหารีดไถเงิน นอกจากนี้ ตำรวจชุดดังกล่าวกลับไปแจ้งความผู้เสียหายและภรรยาคืนฐานแจ้งความเท็จที่ สภ.แม่ปิง

“ผู้เสียหายได้ร้องเรียนผ่านยุติธรรมจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อช่วยเหลือทางคดี เพราะเกรงว่าจะได้รับอันตรายเนื่องจากมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการดูแลตามขั้นตอน อย่างไรก็ตาม ช่วงเดือน มิ.ย. 63 ภรรยาผู้เสียหายได้ออกจากบ้านพักเพื่อไปเยี่ยมน้องสาวที่อยู่ต่างอำเภอ จากนั้นก็ไม่ได้พบกันอีกและสามารถติดต่อกันได้ผ่านทางโทรศัพท์มือถือน้องสาวภรรยาเท่านั้น”เลขานุการรมว.ยุติธรรม กล่าว

ด้าน พ.ต.ท.ธัญญะ กล่าวว่า สำนักงานคุ้มครองพยาน กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ได้ช่วยเหลือผู้เสียหายและภรรยาในการคุ้มครองพยาน เพราะไม่กล้าเดินทางไปสอบปากคำที่ สภ.แม่อาย กลัวเรื่องความปลอดภัยจากตำรวจคู่กรณี จึงประสานใช้สถานที่ส่วนกลางให้ถ้อยคำ ซึ่งสำนักงานคุ้มครองพยานโทรศัพท์ติดต่อผ่านมือถือน้องสาวภรรยาหลังไปเยี่ยมน้องสาวตั้งแต่เดือน มิ.ย. 63 แต่เจ้าตัวไม่เคยเดินทางมาตามนัดหมายเลย กระทั่งติดต่อครั้งสุดท้ายได้เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 63 แต่ต้องพิสูจน์ยืนยันอีกครั้ง

ส่วน พ.ต.อ.อัครพล กล่าวว่า ดีเอสไอจะดำเนินการตรวจสอบกรณีบุคคลสูญหาย และออกเลขสืบคดีหาสาเหตุจูงใจเพราะมีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยจะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน

ขณะที่นายฐานะพล กล่าวว่า อยากให้ดีเอสไอรับคดีสอบสวนตำรวจทั้งหมดว่าเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของภรรยาตนหรือไม่ เพราะขณะนี้ได้หายตัวไปผิดปกติโดยไม่รู้ชะตากรรม รวมทั้งสืบหาตัวภรรยาตนด้วยว่ามีชีวิตอยู่หรือไม่

นายฐานะพล เสาวคนธ์

สำหรับหนังสือการร้องขอความเป็นธรรม มีรายละเอียดดังนี้

บ้านเลขที่..๔๔ หมู่ ๓ ต.สันทรายน้อย อ.สันทราย จ.เชียงใหม่

วันที่  ๑๒  มกราคม  ๒๕๖๔

เรื่อง   ๑. ขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษรับผิดชอบการสอบสวนคดีอาญาที่ข้าฯ ถูกออกหมายเรียก เป็นต้องหาว่าแจ้งความเท็จฯ ของ สภ.แม่ปิง ที่มิชอบด้วยกฎหมาย

๒. ขอให้สืบหาตัว น.ส.พิมพ์ชนก….ภรรยาที่หายไปโดยเชื่อว่าอาจถูกประทุษร้ายเนื่องจากการร้องเรียนกล่าวหา ๗ ตำรวจ สภ.แม่อาย  และดำเนินการกับผู้รับผิดชอบกรณีที่ไม่มีการคุ้มครองพยานตามที่ร้องขอ

เรียน  นายสมศักดิ์  เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

อ้างถึง  หนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่วันที่.๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ให้ เข้าควบคุมการสอบสวนคดีอาญาที่กล่าวหา ๗ ตำรวจ สภ.แม่อายกักขังหน่วงเหนี่ยวและ กรรโชกทรัพย์

สิ่งที่ส่งมาด้วย  หมายเรียกผู้ต้องหาของ สภ.แม่ปิง  ลงวันที่  ๕  มกราคม ๒๕๖๔

ตามหนังสือที่อ้างถึงข้าฯ ได้ร้องขอความเป็นธรรมต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ให้เข้าควบคุมการสอบสวนคดีอาญาที่ น.ส.พิมพ์ชนกฯและข้าฯ แจ้งความร้องทุกข์ว่าตำรวจ สภ.แม่อาย จำนวน ๗ นาย ร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว ปฏิบัติหน้าที่มิชอบและกรรโชกทรัพย์ไปจำนวน ๓๐๐,๐๐๐ บาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๖๓..ณ จุดตรวจแม่สาว อ.แม่อาย

หลังการแจ้งความร้องทุกข์ต่อผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๕ ดังกล่าว  ข้าฯ ก็ไม่ทราบความคืบหน้าของคดีอีกเลยว่า  ผู้รับผิดชอบได้มีการแจ้งข้อหาดำเนินคดีอาญาต่อตำรวจทั้ง ๗ นายดังกล่าวและสรุปการสอบสวนส่งสำนวนให้พนักงานอัยการสั่งฟ้องคดีไปแล้วหรือไม่อย่างไร?

แต่กลับปรากฏว่าเมื่อวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๔  สภ.แม่ปิง ได้ออกหมายเรียกข้าฯ ในฐานะผู้ต้องหาที่ ๒ ให้ไปพบเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาว่าแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานและกลั่นแกล้งให้บุคคลได้รับโทษอาญา  ซึ่งข้าฯ เห็นว่า เป็นการแจ้งข้อหาที่มิชอบ  เนื่องจาก น.ส.พิมพ์ชนกฯ และข้าฯ ซึ่งอยู่ในฐานะเป็นผู้เสียหายได้แจ้งความร้องทุกข์ไปตามข้อเท็จจริงของการกระทำผิดที่เกิดขึ้น  แต่กลับไม่ได้มีการสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายกับตำรวจทั้ง ๗ นายตามพยานหลักฐานที่ปรากฏและแจ้งผลคดีให้ข้าฯ ทราบแต่อย่างใด

นอกจากนั้น ระหว่างรอผลการสอบสวน น.ส.พิมพ์ชนกฯ ภรรยาของข้าฯ ได้หายออกจากบ้านไป  โดยไม่มีผู้ใดทราบว่าขณะนี้พักอาศัยอยู่ที่ใด และยังมีชีวิตอยู่หรือไม่? ทั้งๆ ที่เธอได้เคยร้องขอต่อยุติธรรมจังหวัดให้ดำเนินการคุ้มครองพยานแล้ว  แต่ก็ไม่มีเจ้าพนักงานผู้ใดมาคุ้มครองแต่อย่างใด

จึงเรียนมายังท่านในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมดำเนินการดังนี้

๑. สั่งให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษรับผิดชอบการสอบสวนคดีที่ตำรวจแม่อาย ๕ นายแจ้งความกล่าวหา น.ส.พิมพ์ชนกฯ และข้าฯ ต่อพนักงานสอบสวน สภ.แม่ปิง ว่าแจ้งความเท็จ  ทำให้ถูกออกหมายเรียกเป็นผู้ต้องหาได้รับความเดือดร้อนอย่างไม่เป็นธรรม  เป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของประจักษ์พยานสำคัญคือนางพิมพ์ชนกฯ ซึ่งขณะนี้ได้หายตัวไปอย่างผิดปกติโดยไม่มีผู้ใดทราบชะตากรรม

๒. ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษสืบหาตัว น.ส.พิมพ์ชนกฯ ซึ่งหากขณะนี้หากยังมีชีวิตอยู่ ได้พักอาศัยหรือถูกใครควบคุมตัวไว้ที่ใด  หรือได้ถูกประทุษร้ายเป็นอันตรายต่อร่างกายและชีวิตหรือไม่อย่างไร?

๓. ขอให้ดำเนินการทางวินัยกับเจ้าพนักงานผู้รับผิดชอบที่ไม่ได้ให้ความคุ้มครองนางพิมพ์ชนกฯ พยานปากสำคัญในคดีตามที่ยื่นคำร้องขอความคุ้มครองด้วย

ผลเป็นประการใด ขอได้โปรดแจ้งให้ข้าฯ ทราบโดยเร็วด้วย

 

ขอแสดงความนับถือ

( นายฐานะพล  เสาวคนธ์ )

ผู้ร้องขอความเป็นธรรม

 

About The Author