ตร.พร้อมไหม?’อสส.’ยันอัยการพร้อมทำหน้าที่หากให้คุมงานสอบสวน ยกหลักสากลอัยการทำหน้าที่แนะนำกับพนักงานสอบสวนว่าเราต้องการพยานหลักฐานใดบ้าง
วันที่ 16 ก.ค.2563 นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด(อสส.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตั้งสถาบันสอบสวนชั้นสูงและสถาบันการว่าความชั้นสูง ในสำนักงานอัยการสูงสุด ว่า เรื่องนี้เป็นกรอบโครงสร้างเรื่องการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมของรัฐบาล ที่ได้กำหนดให้อัยการต้องตั้ง สถาบันการสอบสวนชั้นสูงและสถาบันการว่าความชั้นสูง เพื่อให้คนในองค์กรเกิดทักษะรองรับ รูปแบบสถาบันอยู่ในการดูแลของสถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายอัยการ
เมื่อถามว่าการอบรมและเปิดสถาบันจะเป็นการรองรับที่มีการเสนอกฎหมายให้อัยการไปคุมการสอบสวนในคดีอาญาที่มีอัตราโทษสูงหรือไม่ นายวงศ์สกุล กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกัน เพราะเดิมการตั้งสถาบันดังกล่าวเป็นหนึ่งในแผนปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมของรัฐบาล ส่วนเรื่องการสอบสวน เรามีอำนาจในคดีนอกราชอาณาจักร คดีเยาวชน หรือคดีสำคัญกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ คดีปราบปรามการทุจริต ร่วมกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ต้องตั้งคณะทำงานร่วมสอบสวน ซึ่งในอัยการก็มีตรงนี้อยู่แล้ว ส่วนที่มีการเสนอกฎหมายให้อัยการไปร่วมสอบสวนคดีอาญาอัตราโทษสูง หากกฎหมายผ่านเราต้องมีความพร้อมตลอดเวลา แต่หากพูดเรื่องอัตรากำลังก็จะต้องดูเหตุการณ์ วิธีการทำงาน ถ้าไปให้อัยการทำเหมือนพนักงานสอบสวนก็ไม่สามารถทำได้ เพราะเราไม่ได้มีอัตรากำลังหลายหมื่นคนเหมือนตำรวจ
“กระบวนการตามหลักสากล พนักงานอัยการจะทำหน้าที่แนะนำกับพนักงานสอบสวน ว่าเราต้องการพยานหลักฐานใดบ้าง ในการสอบสวนคล้ายๆ เป็นพี่เลี้ยง ในระบบการร่วมสอบสวนของต่างประเทศเป็นการร่วมมือการทำงาน ส่วนจะต้องออกนำทีมลงพื้นที่เหมือนในต่างประเทศหรือไม่ ต้องดูว่ากฎหมายเขียนออกมาอย่างไร อย่างคดีนอกราชอาณาจักรที่กฎหมายเขียนให้ อัยการสูงสุดมีอำนาจสอบสวน เรามีสำนักงานอัยการสอบสวนลงมือสอบสวนเองหลายคดี อย่างเช่นคดีชาวเนเธอร์แลนด์ค้ากัญชา ที่เราสอบสวนฟ้องศาลลงโทษไปแล้ว ถ้ากฎหมายออกมาเราพร้อมทำหน้าที่”นายวงศ์สกุล กล่าว