‘แชร์แม่มณี’และที่ผิดกฎหมายอีกมากมาย รัฐป้องกันได้โดยโอนตำรวจเศรษฐกิจไปสังกัดกระทรวงการคลัง-พันตำรวจเอกวิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร
“แชร์แม่มณี” และผิดกฎหมายอีกมากมาย รัฐป้องกันได้โดยโอนตำรวจเศรษฐกิจไปสังกัดกระทรวงการคลัง
พันตำรวจเอกวิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร
กรณี น.ส.วันทนีย์ ทิพย์ประเวช หญิงสาวชาวอุดรอายุ 30 ปี ได้ร่วมกับผัวหนุ่มอายุ 20 เศษ ตั้งตัวเป็นนักลงทุนเชิญชวนให้ประชาชนเอาเงินมาร่วมหุ้นโดยอ้างว่าเพื่อทำธุรกิจที่มีกำไรงามนานาชนิด
สัญญาว่าจะจ่ายผลตอบแทนอย่างวิปริตถึง ร้อยละ 93 ต่อเดือน
อาศัยที่เคยทำธุรกิจขายตรงมีเครือข่ายลูกค้าจำนวนหนึ่งมาก่อน รวมทั้งการสร้างภาพว่าใกล้ชิดกับดาราผู้มีชื่อเสียงทั้งหญิงชายมากหน้าหลายตา จึงมีผู้คนหลงเชื่อนำเงินไปร่วมลงทุนจำนวนหนึ่ง
ซึ่ง ระยะแรกทุกคนก็ได้เงินตอบแทนตามสัญญาทุกเดือน 93 เปอร์เซ็นต์กันเห็นๆ
ประกอบกับปัจจุบันเป็นสังคมยุคออนไลน์ ทำให้ผู้คนรับรู้ผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ ถึงผลตอบแทนที่มากมายสามารถจับต้องเป็นเงินสดได้ในแต่ละเดือนอย่างรวดเร็ว
ทำให้มีประชาชนโดยเฉพาะคนหนุ่มสาวอายุต่ำกว่า 30 ปี ที่น่าจะไม่เคยได้ยินตำนานเรื่องคดี แชร์แม่ชม้อย ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายสิบปีมาก่อน นำเงินมาร่วมลงทุนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลายพันราย!
เดือนแรกก็ได้ดอกเบี้ยพร้อมเงินต้นตามกำหนดครบทุกคน
เดือนที่สองก็ไม่พลาด ทำให้พูดกันปากต่อปากว่า น่าจะเป็นการลงทุนอย่างหนึ่งอย่างใดจริง จึงทำให้แต่ละคนเพิ่มเงินลงทุนกันแทบหมดหน้าตัก!
แต่พอถึงสิ้นเดือนที่สาม ผลตอบแทนกลับไม่ได้มาตามนัด ถูกผัดผ่อนด้วยเหตุผลต่างๆ นานา
หลายคนเริ่มเอะใจถามไถ่กันให้วุ่นวายว่า น่าจะเป็นการหลอกลวงกันเหมือนแชร์แม่ชม้อยที่เพิ่งเคยได้ยินเมื่อไม่กี่วันนี้หรือไม่?
แต่ละคน โดยเฉพาะผู้ที่ทุ่มลงไปเป็นครั้งที่สาม หวังอีกเพียงครั้งเดียวแล้วจะรีบถอนตัว ล้วนแต่อยากได้เพียงเงินต้น คืนเท่านั้น
กระทั่งมีบางคนที่แน่ใจถูกถูกหลอกแน่ จึงเริ่มไปแจ้งความให้ดำเนินคดีกับ แม่มณี ข้อหาฉ้อโกงประชาชน
ส่งผลให้ถึงขณะนี้มีผู้เสียหายไปแจ้งความทั้งสถานีตำรวจพื้นที่ทั่วประเทศ และลงทะเบียนกับศูนย์ช่วยเหลือที่กระทรวงยุติธรรมจัดตั้งขึ้น โดยคณะกรรมการฯ ได้มีมติให้กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นหน่วยรับผิดชอบการสอบสวนรวมเกือบ 5,000 ราย
มูลค่าความเสียหายทั้งหมดวันนี้มีถึง 984 ล้านบาท และคาดว่าน่าจะมีกว่านี้ ถึงพันหรือ หลายพันล้าน
ความผิดฐานฉ้อโกงตามกฎหมายอาญามาตรา 341 คือ
“การแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง เป็นเหตุให้ได้ทรัพย์สินไปจากบุคคลนั้นหรือบุคคลที่สาม” มีโทษจำคุกถึงสามปี
ถ้าเป็นกรณีแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน เป็นความผิดตามมาตรา 343 มีโทษจำคุกถึงห้าปี
แต่ที่สำคัญก็คือ เป็นความผิดตาม พระราชกำหนดว่าด้วยการกู้ยืมอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน มาตรา 4 ที่บัญญัติว่า
“ผู้ใดโฆษณาหรือประกาศให้ปรากฏต่อประชาชนหรือกระทำด้วยประการใดๆ ให้ปรากฏแก่บุคคลตั้งแต่สิบคนขึ้นไปว่า ในการกู้ยืมเงินตนหรือบุคคลใดจะจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายจะพึงจ่ายได้ โดยที่ตนรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่า ตนหรือบุคคลนั้นจะนำเงินจากผู้ให้กู้ยืมรายนั้นหรือรายอื่นมาจ่ายหมุนเวียนให้แก่ผู้ให้กู้ยืม หรือโดยที่ตนรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าตนหรือบุคคลนั้นไม่สามารถประกอบกิจการใดๆ โดยชอบด้วยกฎหมายที่จะให้ผลประโยชน์ตอบแทนพอเพียงที่จะนำมาจ่ายในอัตรานั้นได้ เป็นเหตุให้ตนหรือบุคคลใดได้กู้ยืมเงินไป”
มีโทษตามมาตรา 12 จำคุกตั้งแต่ห้า ถึงสิบปี
พระราชกำหนดฉบับนี้ได้กำหนดให้ “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รักษาการตามกฎหมาย”
มีหน้าที่ควบคุมให้เจ้าพนักงานผู้รับผิดชอบตรวจสอบและตรวจตรามิให้ผู้ใดละเมิดหรือฝ่าฝืน อันจะเป็นการสร้างความเสียหายให้กับประชาชนจำนวนมาก
รวมทั้งเมื่อเกิดขึ้นขยายตัวไปในวงกว้าง แม้จะติดตามจับกุมตัวผู้ร่วมกระทำผิดทุกคนมาได้
ก็จะไม่สามารถตามยึดเงินที่ผู้คนสูญเสียจากการถูกหลอกไปกลับคืนมาได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะทุ่มเทความพยายามกันลงไปมากเพียงใดก็ตาม?
แต่ปัจจุบัน หน่วยงานของรัฐที่ทำหน้าที่ป้องกันการกระทำผิดกฎหมายฉบับนี้ ก็คือ “กองบังคับการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ”
เป็นหน่วยงานสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ ตำรวจผู้ใหญ่ชั้นนายพลหลายคนหมายปองต้องการมาเป็นหัวหน้าหน่วยกันมากมาย!
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรวมทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยผู้รักษาการตามกฎหมายก็สั่งการให้หัวหน้าตำรวจหน่วยนี้ทำหน้าที่ป้องกันหรือดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอะไรเพื่อให้เข็ดหลาบมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อผู้อื่นไม่ได้
มีแต่โอนให้ไปสังกัดกระทรวงการคลังตามที่ สภาปฏิรูปแห่งชาติได้มีมติไว้ และ รายงานให้นายกรัฐมนตรีเร่งดำเนินการตั้งแต่ปลายปี พ.ศ.2561 เพื่อให้รัฐมนตรีและปลัดกระทรวงการคลังสั่งการและควบคุมบังคับบัญชาให้คุณให้โทษตำรวจหน่วยนี้ได้เท่านั้น
ประเทศไทยจึงจะสามารถแก้ปัญหาอาชญากรรมทางเศรษฐกิจของชาติสารพัดได้อย่างแท้จริง.
ที่มา: นสพ.ไทยโพสต์ คอลัมน์ เสียงประชาชนปฏิรูปตำรวจ: ฉบับวันที่ 4 พ.ย. 2562