นายกฯ ปราบส่วยสินบนและการขายตำแหน่ง ตร.ได้ด้วยอำนาจคดีพิเศษ-พันตำรวจเอกวิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร

ยุติธรรมวิวัฒน์

                              นายกฯ ปราบส่วยสินบนและการขายตำแหน่ง ตร.ได้ด้วยอำนาจคดีพิเศษ

 

                                                                                    พันตำรวจเอกวิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร

 

สถานการณ์ของประเทศช่วงนี้ นอกจากปัญหาความไม่สงบจากการวางระเบิดจริงและปลอม ป่วนกรุง ของคนร้ายหลายจุด แม้กระทั่งหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ต้อนรับรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน และการเป็นประธาน ก.ตร.ของนายกฯ ในการมอบ “นโยบายที่น่าอับอาย”ห้ามขายตำแหน่ง! รวมทั้ง เร่งปฏิรูป?

เป็นการท้าทายอำนาจและความสามารถในการรักษากฎหมายของนายกรัฐมนตรีเมื่อไม่มีมาตรา 44 อยู่ในมือ

ในวันเดียวกัน เวลา 12.30  น. ก่อนการประชุม ก.ตร. ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ร.ต.อ.สุรศักดิ์ สุวรรณศักดิ์ รอง สว.สอบสวน สภ.แม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ อายุ 50 ปี ผู้ที่เพิ่งถูกสั่งย้ายโดยไม่สมัครใจไปเป็น พนักงานสอบสวน ก็ได้ตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงตัวตายตาม ร.ต.อ.พิเชษฐ์   สุชาติพงษ์  รอง สว.สอบสวน สภ.ทุ่งอำมฤต จังหวัดชุมพร ที่ถูกสั่งย้ายและยิงตัวตายไปหยกๆ เมื่อ 27 มิ.ย. เซ่นการปฏิรูปตำรวจ อีกหนึ่งราย

ตำรวจฆ่าตัวตาย

นอกจากนั้น ยังมีปัญหาเรื่องบ่อนการพนันและอบายมุขผิดกฎหมายทำลายสังคม เป็นแหล่งบ่มเพาะอาชญากรรมและยาเสพติดเกิดขึ้นมากมายทั้งในเมืองหลวงและภูมิภาค

ท้าคำสั่งหัวหน้า คสช.และนายกรัฐมนตรีอยู่แทบทุกพื้นที่!

หลังชุดปฏิบัติการกรมการปกครองได้นำกำลัง อส.ไปจับบ่อนใหญ่ในจังหวัดสมุทรสาครตามคำร้องของผู้ว่าราชการจังหวัด เนื่องจาก ไม่สามารถสั่งให้ ผบก.จัดการตามกฎหมายได้ ในวันที่ 10 ก.ค.ที่ผ่านมา

เมื่อ 1 สิงหาคม ก็ได้ไปจับบ่อนใหญ่อีกแห่งในจังหวัดสมุทรปราการ พื้นที่อำเภอบางบ่อ ได้ผู้ต้องหาเจ้ามือและนักพนันนับร้อยคน

ก็ไม่ทราบว่านายกรัฐมนตรีจะปล่อยให้การปราบแหล่งอบายมุขผิดกฎหมายเหล่านี้ “เป็นหน้าที่ของ อส.” ภายใต้การนำของชุดปฏิบัติการกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย แทนตำรวจแห่งชาติตลอดไปหรืออย่างไร?

หลายคนคิดว่า ปัญหาบ่อนการพนันและสถานบันเทิงผิดกฎหมายนั้น เป็นเรื่องยากที่จะจัดการให้หมดไปได้ตามที่ ตำรวจผู้ใหญ่ที่ชอบเล่นการพนัน มักพูดกรอกหูสังคมอยู่ตลอดเวลาว่า

คนไทยมีนิสัยชอบเล่นการพนันและมั่วอบายมุข

แท้จริง แหล่งอบายมุขทุกประเภทในทุกพื้นที่ แค่หัวหน้าสถานีตำรวจบอก “ไม่รับส่วยสินบน”

รับรองว่า แม้แต่บ่อนงานศพตามวัดก็ไม่มีใครกล้าเล่น

ยิ่งบ่อนใหญ่คนเป็นร้อย ถ้าเคลียร์ ตำรวจภาค และ ส่วนกลาง ไม่ได้!

ไม่มีนายทุนหรือเจ้ามือคนไหนกล้าเปิดหรือแม้กระทั่งเข้าไปเล่นเป็นแน่

เป็นที่รู้ในหมู่ประชาชนว่า บ่อนการพนันและแหล่งอบายมุขผิดกฎหมายไม่ว่าจะเป็นประเภทใด

ล้วนแต่มีตำรวจผู้ใหญ่หลายระดับอยู่เบื้องหลังรับส่วยสินบนด้วยกันทั้งสิ้น

แต่ปัญหาคือ เหตุใดรัฐบาลจึงไม่เคยมีการดำเนินคดีอาญาหรือแม้กระทั่งวินัยตำรวจ ผู้ใหญ่ที่รับส่วยสินบน เหล่านี้เลยแม้แต่คนเดียว

การสืบสวนดำเนินคดีเป็นหน้าที่ของใครระหว่าง  ป.ป.ช. กับ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เกี่ยงกันไปมากระทั่งทุกวันนี้

ปัจจุบัน ป.ป.ช.มีหน่วยงานรับผิดชอบถึงระดับจังหวัด บางแห่งใช้งบประมาณสร้างอาคารสำนักงานถึง 50 ล้าน!

แต่บทบาทการปราบปรามการทุจริต ประชาชนแทบพึ่งหวังอะไรไม่ได้!

ปกครองจับบ่อน

ในอันที่จริง การกระทำผิดเหล่านี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษมีอำนาจตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ มาตรา 21 วรรคหนึ่ง (จ) สามารถดำเนินการ สืบสวน ได้ทันที

เนื่องจากเป็น “ความผิดทางอาญาที่มีพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่เป็นผู้ต้องสงสัยเมื่อมีหลักฐานตามสมควรว่า น่าจะได้กระทำความผิด…”

นั่นหมายถึงว่า “แค่มีร่องรอย” ยังไม่ต้องถึงขั้นกล่าวหาใคร กรมสอบสวนคดีพิเศษก็สามารถสืบสวนด้วยมาตรการพิเศษตามที่กฎหมายกำหนดไว้ในมาตรา 24

แล้วส่งพยานหลักฐานให้ประธาน ป.ป.ช. ดำเนินการตามหน้าที่ต่อได้

อำนาจพิเศษ ในการสืบสวน นั้น มีตั้งแต่การเข้าตรวจค้นเคหสถาน การมีหนังสือสอบถามหรือเรียกให้สถาบันการเงิน องค์กร หรือหน่วยงาน ส่งหลักฐานมาเพื่อตรวจสอบประกอบการพิจารณาดำเนินคดี รวมทั้งอาจมีการยึดและอายัดทรัพย์ต้องสงสัยนั้นไว้

สรุปว่า ในการปราบปรามการทุจริตของข้าราชการทุกกระทรวงทบวงกรมโดยเฉพาะตำรวจนั้น  นายกรัฐมนตรีมีอยู่แล้วตามกฎหมายหลายประการ

ที่สำคัญคือ การดำเนินการทางวินัยและปกครอง ผู้รับผิดชอบข้อหา บกพร่องต่อหน้าที่หรือทำงานไม่มีประสิทธิภาพ

สามารถออกคำสั่ง สำรองราชการ ได้ทันทีตามด้วยการดำเนินคดี สืบหาข้อมูล ว่ามีพฤติการณ์ ส่อทุจริต หรือ ร่ำรวยผิดปกติ หรือไม่?

แต่ละคนมีบ้านกี่หลัง ราคาเท่าใด ใช้รถกี่คัน เส้นทางธุรกรรมการเงินเป็นอย่างไร ลูกชายหญิงเรียนต่างประเทศหรือไม่ ใช้เงินเดือนและปีละเท่าใด กี่ปี ได้มาจากที่ใด?

เก็บรวมเป็นข้อมูล หรือแม้กระทั่งจะยึดอายัดทรัพย์ไว้ตามมาตรา 24 ก็ได้

เหมือนที่ “อัยการเกาหลีใต้” ดำเนินการในปราบปรามการทุจริตของข้าราชการประเทศเขาอย่างได้ผลยิ่ง

แต่สิ่งที่ประเทศเราต้องการมากที่สุดก็คือ ความตั้งใจและความจริงใจของนายกรัฐมนตรีผู้มีอำนาจสูงสุดทางบริหารในการแก้ปัญหาทุจริตของชาติให้หมดไปอย่างแท้จริงเท่านั้น!

นายกฯปราบส่วย

ที่มา: ไทยโพสต์ คอลัมน์: เสียงประชาชนปฏิรูปตำรวจ: Monday, August 05, 2019

About The Author