Police Watch ขีดเส้นภายใน7วันนายกฯต้องปลด’จักรทิพย์’พ้นผบ.ตร.หากตร.จับคนทำร้าย’จ่านิว’ไม่ได้
เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2562 เครือข่ายประชาชนปฏิรูปตำรวจ (คป.ตร.) หรือ Police Watch ออกแถลงการณ์ เรียกร้อง ให้นายกรัฐมนตรีสั่งให้พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา พ้นจากตำแหน่ง ผบ.ตร. หากไม่สามารถคุ้มความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชนและ แก้ปัญหาวิกฤติงานสอบสวนได้
แถลงการณ์ ระบุว่า กรณีได้เกิดเหตุคนร้าย ๔ คน รุมทำร้ายนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ “จ่านิว” นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ผู้มีบทบาทในการเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิเสรีภาพให้ประชาชนบริเวณริมถนนรามอินทรา แขวงบางชัน เมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน เวลาประมาณ ๑๑.๐๐ น. จนได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นครั้งที่สองในช่วงเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือนนั้น
พฤติกรรมของกลุ่มคนร้ายที่ก่ออาชญากรรมเป็นขบวนการอย่างอุกอาจต่อชีวิตร่างกายกับนายสิรวิชญ์ฯ รวมทั้งผู้เคลื่อนไหวทางการเมืองอีกหลายคนเช่นนายเอกชัย หงส์กังวาน ที่ถูกทำร้ายและทำลายรถยนต์หน้าบ้านถึง ๙ ครั้งดังกล่าว สะท้อนว่ารัฐบาลโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่มีความสามารถในการป้องกันชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนให้เกิดความปลอดภัยตามหน้าที่ของตนได้ ซ้ำเมื่อเกิดเหตุ ก็ยังไม่สามารถสอบสวนจับตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายเพื่อให้เข็ดหลาบอีกด้วย ส่งผลทำให้ประชาชนทั่วไปและผู้ที่เห็นต่างวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลต้องดำรงชีวิตกันอย่างหวาดผวายิ่ง
นอกจากนั้น เมื่อวันที่ ๒๖ มิถุนายน ที่ผ่านมา ก็ได้เกิดเหตุ ร.ต.อ.พิเชษฐ์ สุชาติพงษ์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.มาบอำมฤต จังหวัดชุมพร ใช้อาวุธยิงตัวเองตายที่บ้านพัก โดยเขียนจดหมายระบายความในใจเกี่ยวกับปัญหาการถูกแต่งตั้งให้ไปเป็นพนักงานสอบสวนโดยไม่ได้สมัครใจและไม่มีความพร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ เมื่อแจ้งปัญหาให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก็ไม่มีผู้ใดสนใจแก้ไขแต่อย่างใด
การบริหารงานสอบสวนกระบวนการยุติธรรมที่สำคัญของชาติอย่างเลวร้ายถือว่าอยู่ในขั้นวิกฤติร้ายแรงในปัจจุบัน ได้สร้างปัญหาความเดือดร้อนต่อประชาชนอย่างยิ่ง มีทั้งที่เป็นข่าวและไม่ปรากฏเป็นข่าวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาตำรวจไม่รับคำร้องทุกข์เข้าสารบบคดีดำเนินการสอบสวนตามกฎหมายที่เกิดขึ้นทั่วประเทศมากมาย หรือเช่น นายไพวัลย์ แซ่ลี้ ผู้ไปแจ้งความเรื่องรถถูกยักยอกที่ สน.โชคชัย นอกจากบอกว่าถูกตำรวจเรียกร้องเงินค่าใช้จ่าย ๕,๐๐๐ บาท แล้ว การสอบสวนก็ยังไม่มีความคืบหน้าจนในที่สุดต้องฆ่าตัวตายโดยเขียนจดหมายระบายความในใจถึงนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนที่แล้ว
ปัญหาการสอบสวนตามที่กล่าวและการบริหารงานตำรวจลักษณะอื่นๆ ที่มีปัญหาอีกมาก เช่น การที่ฝ่ายปกครองและทหารต้องออกตรวจจับบ่อนการพนันและสถานบันเทิงผิดกฎหมายที่ทำลายเด็กเยาวชนและก่อปัญหายาเสพติดซึ่งเป็นงานในหน้าที่ตำรวจในหลายพื้นที่ทั่วประเทศแทบทุกสัปดาห์ ได้สะท้อนถึงการบริหารงานป้องกันอาชญากรรมและการสอบสวนที่ล้มเหลวก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อประชาชนอย่างต่อเนื่องอย่างยิ่ง
จึงขอเรียกร้องต่อพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำเนินการดังนี้
๑. สั่งการเป็นหนังสือถึง ผบ.ตร.ให้เร่งสืบสวนสอบสวนจับตัวคนร้ายที่ รุมทำร้ายนายสิรวิชญ์ฯ และนายเอกชัยฯ รวมทั้งนักเคลื่อนไหวทางการเมืองทุกคนที่เกิดขึ้นต่างกรรมต่างวาระกันรวม ๑๒ เหตุการณ์ มาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้
๒. หากภายใน ๗ วัน ตำรวจไม่สามารถสืบจับคนร้ายแม้แต่คดีเดียวใน ๑๒ คดี ให้ถือว่าพลตำรวจเอก จักรทิพย์ฯ เป็นบุคคลผู้ไม่มีความสามารถและไม่เหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่ ผบ.ตร. ขอให้ใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีสั่งให้พ้นจากตำแหน่งหรือสำรองราชการ และมอบหมายให้ตำรวจนายอื่นที่มีความรู้ความสามารถกว่าปฏิบัติหน้าที่แทน
๓. เร่งปฏิรูปตำรวจและงานสอบสวนโดยนำร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ และ พ.ร.บ.การสอบสวนคดีอาญา ที่นายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจได้ร่างเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเมื่อปลายปี ๒๕๖๑ เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ และเสนอสภาผู้แทนราษฎรพร้อมกับร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาที่คณะกรรมการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมซึ่งนายอัชพร จารุจินดา เป็นประธานเสนอและผ่านความเห็นชอบของ ครม.ไปแล้ว เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรตราเป็นกฎหมายบังคับใช้ในโอกาสแรกของการปฏิบัติหน้าที่คณะรัฐมนตรี