‘กรรมการสอบบ่อน’จะสอบกันอย่างไร ให้ถึง ‘นายบ่อนตัวจริง’ และ ‘ตัวการใหญ่’
“กรรมการสอบบ่อน” จะสอบกันอย่างไร ให้ถึง “นายบ่อนตัวจริง” และ “ตัวการใหญ่”
พันตำรวจเอกวิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร
สถานการณ์การแพร่ระบาดใหม่ของไวรัสโควิดที่ทำให้ธุรกิจรายเล็กรายใหญ่จำนวนมากถึงขั้นล้มละลาย หลายคนเกิดอาการป่วยจน “หมดลมหายใจ” หรือต้องตัดสินใจฆ่าตัวตาย! เพราะไม่มีทางออกอื่นใดหรือสามารถรอเวลาหรือการเยียวยาอะไรจากรัฐได้อีกต่อไป!
สาเหตุใหญ่ก็เป็นที่รู้กันว่ามาจากเรื่องคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง รวมทั้ง “บ่อนพนันผิดกฎหมาย” ซึ่งมีอยู่มากมายแทบทุกจังหวัดในประเทศไทย ที่ตำรวจผู้ใหญ่ ผู้รับผิดชอบระดับต่างๆ “รับส่วยสินบน” จากสิ่งผิดกฎหมายเหล่านี้กันมา นานหลายปี!
ทำให้มีแหล่งอบายมุขสารพัดเกิดขึ้นในสังคมไทยมากมายและดำรงอยู่ได้ตลอดมา
แต่ว่าเรื่องบ่อนพนันที่ผู้มีอำนาจ นักการเมือง แม้กระทั่ง “สื่อหรือนักวิชาการไร้เดียงสา” ประเภทที่เรียกกันว่า “บาปบริสุทธิ์” หลายคนยังคง งง กับปัญหานี้ โดยชี้ทางออก บอกสังคมให้หลงทางประสาซื่อ ว่า
เมื่อป้องกันไม่ได้ก็ควรเปิดให้เล่นการพนันกันอย่างถูกกฎหมายเสียเลยไม่ดีกว่าหรือ?
จะได้เก็บภาษีเข้ารัฐเป็นกอบเป็นกำ ดีกว่าปล่อยให้ทำกันใต้ดิน ให้เพียง “ตำรวจผู้ใหญ่ได้เก็บกิน” ฝ่ายเดียวเช่นนี้ต่อไป
ในอันที่จริง “บ่อนพนันที่ชอบด้วยกฎหมาย” ก็มีอยู่แล้วมากมายในประเทศไทย เป็นไปตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.๒๔๗๘ ที่เปิดช่องไว้นานเกือบร้อยปี
การพนัน บัญชี ข. หรือการละเล่นที่มีลักษณะเป็นกีฬาพื้นบ้านและกิจกรรมสันทนาการ เช่น แข่งม้า แข่งเรือ ชกมวย ตีไก่ วัวชน ไพ่ผ่อง ไพ่นกกระจอก ปาเป้า ปาลูกโป่ง ช้อนลูกลอย และอีกสารพัด
ประชาชนทุกคนสามารถขออนุญาตเล่นได้ เมื่อได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานตามเงื่อนไขที่กำหนด
ถ้าต่างจังหวัดก็เป็นอำนาจของผู้ว่าฯ นายอำเภอ ในฐานะนายทะเบียนการพนันตามกฎหมาย ส่วนใน กทม. ก็เป็นอำนาจของ ผบช.น.
อนุญาตการแข่งม้าสนามปทุมวัน หรือชกมวยเวทีราชดำเนิน หรือลุมพินีก่อนหน้าแทบทุกอาทิตย์ก่อนสถานการณ์โควิด
ส่วนการพนัน บัญชี ก. เช่น บาคาร่า สลอตแมชชีน ไฮไล โปปั่นนั้น รัฐห้ามประชาชนเล่นกันเด็ดขาด
เนื่องจาก มีลักษณะที่สร้างความเสียหายต่อฐานะทางเศรษฐกิจของบุคคลในวงกว้างอย่างรวดเร็ว
และโดยหลัก “คณิตศาสตร์การพนัน” หากเล่นกันนานๆ เจ้ามือจะเป็นฝ่ายได้เสมอ!
ซึ่งถ้ารัฐต้องการจัดให้มีการเล่นการพนันประเภทนี้ ก็สามารถออกพระราชกฤษฎีกาตามมาตรา ๔ เก็บภาษีจาก “นายบ่อน” ที่ได้รับสัมปทานให้เป็นเรื่องเป็นราวได้
ถ้าใครมีความคิดว่า การพนันบัญชี ก. ไม่เห็นจะเสียหายต่อประชาชนหรือสังคมอะไรอย่างที่กฎหมายห้ามไว้ ควรอนุญาตให้ประชาชนทั้งคนไทยและต่างชาติเล่นกันได้อย่างเสรี
ก็ต้องไปเสนอความคิดต่อนายกรัฐมนตรีหรือพรรคการเมืองที่มีอำนาจตรากฎหมายอนุญาตให้ประชาชนเล่นบาคาร่า สลอตแมชชีน ไฮโลโปปั่น และน้ำเต้าปูปลาอย่างถูกกฎหมาย
จะเริ่มทดลอง “ตั้งวง” ในทุกกองบังคับการหรือกองบัญชาการตำรวจแต่ละพื้นที่ ให้ตำรวจทุกระดับเล่นตอนพักกลางวันหรือยามว่างงานกันเลยก็ดี!
จากปัญหาบ่อนพนันที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดซึ่งถูก “สอบสวนโรคอย่างตรงไปตรงมา” โดยสาธารณสุขจังหวัดครั้งนี้
ส่งผลทำให้นายกรัฐมนตรีได้มี คำสั่งที่ ๙/๒๕๖๔ เมื่อวันที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๖๔ ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำผิดเกี่ยวกับการพนันอันเป็นต้นตอการแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด
มี นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานคณะกรรมการ กำหนดให้มีหน้าที่ “แบบลอยๆ” ดังนี้
๑.ตรวจสอบการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการเปิดสถานที่เล่นการพนันอันเป็นเหตุให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด
๒.ให้คำแนะนำแก่ผู้รับผิดชอบในการนำตัวผู้กระทำผิดไม่ว่าจะเป็นประชาชนหรือข้าราชการเจ้าพนักงานของรัฐมาลงโทษตามกฎหมาย และ
๓.เสนอแนะมาตรการป้องกันหรือการดำเนินการอื่นที่เหมาะสม รายงานผลการปฏิบัติตามสามเรื่องนี้ ให้นายกรัฐมนตรี ทราบ “ในทางลับ” ทุกสามสิบวัน สรุปว่า คณะกรรมการชุดนี้ มีหน้าที่ “ชี้เป้า” ผู้กระทำผิดให้ผู้รับผิดชอบดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมทั้งเสนอแนะมาตรการป้องกันมิให้เกิดขึ้นอีกเป็นสำคัญ
แต่ปัญหาคือ กรรมการจะสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานอะไร และอย่างไรจึงจะทำ ให้ได้ความจริงทั้งหมด
เริ่มตั้งแต่ใครเป็นเจ้าของบ่อนใหญ่ในจังหวัดระยอง พัทยา ศรีราชา เมืองชลบุรี จันทบุรี ตราด แม้กระทั่งจังหวัดอุบลราชธานี และนครราชสีมา
เป็นเครือข่ายเดียวกันหรือไม่?
แม้กระทั่งในเขตกรุงเทพมหานครที่ บช.ก.ไปจับได้ในพื้นที่ สน.ทุ่งสองห้อง ของใคร?
นอกจากนั้น การรวบรวมพยานหลักฐานคงจะดำเนินการเฉพาะบ่อนเหล่านี้ในช่วงที่มีสถานการณ์โควิดไม่ได้
เนื่องจากในความเป็นจริง บ่อนต่างๆ ทั่วไทย โดยเฉพาะในจังหวัดภาคอีสาน ภาคตะวันออก มีการเปิดเล่นมานานหลายปี
เช่น กรณี “ยิงกันตายในบ่อนพระราม ๓” ที่กลุ่มทรชนช่วยกันขนย้ายทำลายพยานหลักฐานหลังเกิดเหตุ ขนอุปกรณ์ไปแอบซ่อน และถอดกล้องวงจรปิดและกล่องบันทึกข้อมูลออกทั้งหมด
ไม่มีใครรู้ว่า จนป่านนี้ตำรวจหน่วยใดได้มีการดำเนินคดีกับ “เจ้าของบ่อนที่แท้จริง” แล้วหรือไม่? ผลคดีถึงที่สุดเป็นอย่างไร ได้ยึดทรัพย์ใครไปแล้วบ้างมากน้อยเพียงใด?
ปัญหาบ่อนพนันทั่วไทยในช่วงสามสี่ปีที่ผ่านมา เป็นที่รู้กันในหมู่ตำรวจและประชาชนผู้สนใจว่า มี “ตำรวจระดับพลตำรวจเอกคนใดหรือหลายคน” อยู่เบื้องหลัง!
“คอยใช้อำนาจราชการคุ้มครอง” รวมทั้ง “เพื่อปกป้องตนเอง” เมื่อถูกฝ่ายปกครองบุกจับ ด้วยการออกคำสั่งให้ตำรวจผู้รับผิดชอบ “ไปปฏิบัติราชการ ศปก.” หรือที่สื่อเรียกกันว่าถูก “เด้ง”
ฉะนั้น การตรวจสอบต้องเริ่มตั้งแต่ “รวบรวมข้อมูลจากกรมการปกครองย้อนหลังไป ๕ ปี”
ว่ามีกรณีที่ฝ่ายปกครอง ผู้ว่าฯ นายอำเภอ และชุดปฏิบัติการพิเศษของกรมฯ ได้จับบ่อนการพนันทั่วไทยไปทั้งหมดกี่แห่ง พื้นที่อำเภอและจังหวัดใดบ้าง?
และ “การสั่งเด้ง” ทุกครั้งที่ตามมาด้วยการตั้ง “คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง” ตำรวจผู้รับผิดชอบระดับสถานีสี่ห้าคนว่า “รับส่วยสินบน” หรือ “บกพร่องต่อหน้าที่” หรือไม่นั้น
สุดท้ายได้มีการดำเนินคดีอาญาหรือลงโทษทางวินัยร้ายแรงไล่ออก ปลดออก หรือไม่ร้ายแรงตำรวจระดับใดบ้างหรือไม่?
ขอรายชื่อผู้ถูกลงโทษมาตรวจสอบว่าปัจจุบันแต่ละคน “รับราชการอยู่ในตำแหน่งใด” ตกต่ำ หรือ “เจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น” มากน้อยเพียงใด?
ในส่วนการตรวจสอบความรับผิดชอบของตำรวจระดับกองบังคับการ กองบัญชาการ รวมทั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแต่ละยุคสมัยก็ต้องดูว่า ได้เคยออกคำสั่งมอบหมายและ กำชับ ให้ตำรวจระดับรองหรือผู้ช่วย ผบ.ตร.คนใดรับผิดชอบในการกวดขันจับกุมบ่อนการพนันบ้าง?
ขอเอกสารการสั่งงานและมอบหมายหน้าที่ของหัวหน้าหน่วยทุกระดับมาตรวจสอบว่า แต่ละคนได้ดำเนินการอะไรไปในละห้วงเวลา การสั่งทั้งที่เป็นลายลักษณ์อักษรและด้วยวาจาที่ปรากฏในการประชุมประจำเดือนหรือวาระต่างๆ แต่ละคน “ได้กระทำบ้าง” หรือไม่?
หลังจากสั่งแล้ว มีวิธีการตรวจสอบการปฏิบัติตามคำสั่งนั้น ทุกระยะ อย่างไร?
การสอบสวนไม่ควรมุ่งไปในประเด็นว่า มีตำรวจคนใดรับส่วยสินบนจากนายบ่อนบ้างหรือไม่?
เพราะหาเท่าไรก็ไม่สามารถพบเจอได้ง่ายๆ เว้นเสียแต่ “นายบ่อนตัวจริง” จะถูกดำเนินคดีและสอบสวนอย่างจริงจังโดย “กรมสอบสวนคดีพิเศษ” จนเกิดอาการ “จวนตัว” รับสารภาพซัดทอดว่า
ได้เคยเอาเงิน ทรัพย์สิน หรือ จัดประโยชน์อื่นใด ให้กับตำรวจผู้ใหญ่ยศพลตำรวจเอกหรือนายพลคนใด เพื่อให้หลับตา ไม่ทำหน้าที่ของตนบ้าง
เริ่มจากคดี “บ่อน RJ มาบตาพุด” ที่ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองไปจับเป็นลำดับแรก ขยับสืบสาวให้เข้าไกล้ “ตัวการใหญ่” ไปเรื่อยๆ!.
ที่มา: นสพ.ไทยโพสต์ คอลัมน์ เสียงประชาชนปฏิรูปตำรวจ: ฉบับวันที่ 18 ม.ค. 2564