ตำรวจสอบสวนทำลายพยานหลักฐานได้เพราะไร้การตรวจสอบจากอัยการตั้งแต่เกิดเหตุ-พันตำรวจเอกวิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมแต่งตั้งตำรวจ รอง ผบก. และ ผกก. ว่า ให้เวลาทุกตำแหน่ง 6 เดือน หากใครทำงานไม่ดี อาจถูกย้ายอีกได้!
แต่ปัญหาสำคัญก็คือ ท่านจะรู้ได้อย่างไรว่าใครทำงานดีหรือไม่ รวมทั้ง มีความประพฤติชั่ว เป็นที่น่ารังเกียจของสังคมมากน้อยเพียงใด?
โดยเฉพาะในเรื่อง ความสุจริต ที่ท่านเน้น บอกให้ตำรวจผู้ใหญ่ควบคุมและ ทำเป็นตัวอย่าง แก่ผู้น้อยนั้น!
ทั้งประชาชนและตำรวจได้ฟังแล้ว ต่างเห็นเป็นเรื่อง “ขำๆ”
เพราะแค่เรื่องบ่อนการพนันและสถานบันเทิงผิดกฎหมายทำลายเด็กเยาวชนทั้งหญิงชายที่มีอยู่ทั่วประเทศมากมายแม้กระทั่งในกรุงเทพมหานคร
โดยตำรวจกลุ่มผู้ ถูกผู้บังคับบัญชาและแม้กระทั่งประชาชนเรียกกันอย่างเหยียดหยามว่า “ชั้นประทวน” ทุกคนทำได้เพียงขับรถหรือขี่จักรยานยนต์ผ่านไปมา
เพราะถูกสั่งไว้ให้เน้นแต่เรื่อง เซ็นตู้แดง แล้วกลับเข้าโรงพัก นั่งมองเจ้านายหลายระดับรับส่วยรายเดือนจนร่ำรวย กันตาปริบๆ
บางคนต้องใช้วิธี แอบกระซิบ ให้ฝ่ายปกครองนำกำลัง อส.ไปจับแทน!
ซึ่งแต่ละแห่งพบ บัญชีส่วย จ่ายตำรวจ สารพัดหน่วย ยาวเป็นหางว่าว
เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกันมานาน กว่าห้าปี ซึ่งประชาชนก็ไม่เคยได้ยินท่านพูดว่าจะจัดการปัญหานี้อย่างไร?
แต่กลับไปตั้งคำถามกับ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.พรรคเพื่อไทยในการอภิปรายกฎหมายงบประมาณในสภาว่า “ทำไมพบบ่อนพนันหรือการกระผิดกฎหมายแล้วไม่แจ้งให้ตำรวจจับกุม”
ประชาชนฟังแล้วต่างรู้สึก “กลุ้ม” พากันเอามือกุมขมับไปตามๆ กัน!
ปัญหาการ ขายตำแหน่ง ก็ไม่ใช่ไม่มี!
ไม่อย่างนั้น พล.ต.ท.วิศณุ ม่วงแพรสี ส.ส.พรรคเสรีรวมไทย จะเอามา พูดเป็นตุเป็นตะ ในสภาได้อย่างไร? เพราะตราบใดที่ยังไม่ได้มีการกำหนด หลักเกณฑ์การเลื่อนตำแหน่งและโยกย้าย ที่ชัดเจน ตำรวจผู้ใหญ่เปิดช่องให้ตำรวจ “วิ่งเต้น” โดยอ้างว่าเป็นพวกมีความรู้ความสามารถในกลุ่ม 67 เปอร์เซ็นต์ได้
เงินและทรัพย์สินหลายรูปแบบก็เป็นปัจจัยในการแลกเปลี่ยนกับตำแหน่งไม่เปลี่ยนแปลง
อีกเรื่องที่ขอกล่าวถึงเผื่อว่าท่านจะไม่ทราบก็คือ กรณี พ.ต.อ.คนหนึ่ง ยิงปืนขึ้นฟ้า ขู่ฆ่าจะยิงกบาล นายชนะชล เปราะแดง หนุ่มที่ขี่รถจักรยานยนต์พาแม่ซ้อนท้ายจะไปซื้อของที่ปากคลองตลาดแล้วเกิดอุบัติเหตุ ถูกรถยนต์ชนท้าย ได้รับบาดเจ็บสาหัส
ซึ่ง พ.ต.อ.คนนั้น รวมทั้งผู้บังคับบัญชาบอกว่า ถ้าเป็นการยิงระงับเหตุร้ายก็ได้?
แต่นายชนะชลและเจ้าหน้าที่กู้ภัยทั้งหญิงชายหลายคนให้สัมภาษณ์สื่อเห็นได้ในยูทูบว่าเป็นการยิงขู่ตนโดยไม่ได้มีเหตุผลเกี่ยวกับระงับเหตุอะไร
เป็นการยิงขณะที่นายชนะชลกำลังเดินเข้าไปจะขอโทรศัพท์มือถือที่ถูก พ.ต.อ.ฉกฉวยเอาซึ่งหน้า หรือที่เรียกกันว่า วิ่งราว คืน
นอกจากนั้น เมื่อรถกู้ภัยมาถึง พ.ต.อ.ก็ยังได้ยิงปืนขู่เจ้าหน้าที่กู้ภัยอีกสามสี่นัด ถึงขนาดต้องยกมือไหว้ ขอนำคนเจ็บส่งโรงพยาบาลก่อนได้ใหม? แล้ว “ค่อยยิงอีก” ก็ได้
นอกจากนั้น ก็ยังได้ฉวยเอากล้องหน้ารถกู้ภัยติดมือไปด้วย โดยเจ้าหน้าที่ชายคนหนึ่งให้สัมภาษณ์บอกว่า ได้ยินเสียงขู่ ถ้าไม่ให้ เดี๋ยวยิง!
พฤติกรรมเช่นนี้ถ้าเป็นประชาชนทั่วไป ก็คงถูกแจ้งข้อหา ชิงทรัพย์ ตามกฎหมายอาญามาตรา 339 “ผู้ใดลักทรัพย์โดยขู่เข็ญในทันใดนั้นว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อความสะดวกแก่การเอาทรัพย์นั้นไป หรือยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้ มีโทษจำคุกตั้งแต่ห้าถึงสิบปี
แต่กระทั่งบัดนี้ ก็ยังไม่ได้ยินนายพลตำรวจคนใดให้สัมภาษณ์ว่าได้มีการดำเนินคดีอาญาเหมือนที่ปฏิบัติกับประชาชนแต่อย่างใด
ซ้ำยังมีบางคน พูดเหมือนคนปัญญาอ่อน อีกว่า ถ้าเป็นการยิงปืนเพื่อระงับเหตุ ก็ทำได้!
ทั้งที่ได้ยินและเห็นประจักษ์พยานหลายคน ทั้งนายชนะชลและเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้สัมภาษณ์ออกสื่อเห็นกันทั่วโลกว่า ไม่ใช่การระงับเหตุร้ายอะไร
ยังโชคดีที่กระสุนขนาด 9 มม.ห้าหกนัดไม่ได้ตกใส่หัวผู้คนและฝรั่งมังค่าที่มาเที่ยวไทยคนใด!
ซึ่งจนถึงวันนี้ก็ไม่มีใครรู้ว่า ในเรื่อง คดีอาญา ตำรวจได้ดำเนินไปถึงไหน?
พนักงานสอบสวนได้รับคำร้องทุกข์ ออกเลขคดีเข้าสารบบตามกฎหมาย แล้วหรือไม่? คดีอาญาเลขที่เท่าใด?
ผกก.สน.ทุ่งมหาเมฆ ผบก.น 6 และ ผบช.น. ผบ.ตร. และระดับรองต่างๆ ผู้รับผิดชอบได้เคยตรวจสอบและมี บันทึกสั่งเป็นหลักฐาน อะไร ให้พนักงานสอบสวนเร่งสรุปสำนวนส่งอัยการสั่งคดีโดยเร็วหรือไม่?
โดยต้องนำคลิปคำพูดพยานที่ปรากฏในยูทูบมากมายมารวมไว้ในสำนวนการสอบสวน ส่งให้อัยการพิจารณาประกอบการสั่งคดีด้วย
หรือถ้าปรากฏว่า จนกระทั่งป่านนี้ยังไม่ได้มี การรับคำร้องทุกข์ออกเลขคดี
พงส.ผู้รับผิดชอบ ก็เข้าข่าย ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
หรือถ้าใช้วิธีบันทึกคำพยานให้แตกต่างไปจากหลักฐานคำพูดที่ปรากฏในสื่อ
ก็ถือว่าเป็นการ “ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ” โทษไม่ต่างกัน
คดีนี้อัยการพื้นที่ที่จะต้องรับสำนวนเมื่อตำรวจสรุปการสอบสวนส่งไป ไม่ว่าจะใช้เวลานานกี่เดือนหรือกี่ปี ก็ควรที่จะเก็บรวบรวมคลิปคำพยานที่พูดออกสื่อในคดีนี้เอาไว้
ในกรณีที่ปรากฏว่าพยานแต่ละคนพูดไม่ตรงกัน ก็จะสามารถใช้เป็นหลักฐานในการสั่งสอบสวนเพิ่มเติมให้ทราบว่า ใครพูดจริง ใครให้การเท็จกันแน่!
รวมทั้งขอฝาก ดร.ปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส. และเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ และประธานคณะกรรมาธิการยุติธรรมฯ ช่วยติดตามผลการดำเนินคดีทั้งอาญาและวินัย
มีหนังสือแจ้ง ผบ.ตร.ให้ชี้แจงความคืบหน้าว่า ได้รับคำร้องทุกข์เป็นคดีอาญาเลขที่เท่าใด ข้อหาอะไร ได้ดำเนินคดีรวมทั้งเรื่องวินัยไปแล้วอย่างไร
ซึ่งถ้าปรากฏว่าคดีคืบหน้า หรือมีปัญหาการสอบสวนการสอบปากคำพยานแตกต่างไปที่ประชาชนรับรู้อย่างใด
ก็ควรมีหนังสือเชิญให้นายกรัฐมนตรีมาชี้แจงปัญหาและแนวทางแก้ไขให้คณะกรรมาธิการและประชาชนทราบด้วย.
ที่มา: นสพ.ไทยโพสต์ คอลัมน์ เสียงประชาชนปฏิรูปตำรวจ: ฉบับวันที่ 2 ธ.ค. 2562