บ่อนการพนัน ตู้ม้า แหล่งอบายมุขจะดูอย่างไรว่าหน่วยไหน ‘เคลียร์ได้’

ยุติธรรมวิวัฒน์

                ขณะนี้มีปัญหาสำคัญซึ่งอาจกล่าวได้ว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประสบความล้มเหลวในการแก้ปัญหา หรือว่า ไม่ได้จริงจัง หรือแม้กระทั่ง  ไม่จริงใจต่อประชาชน ในการแก้ไขเลยก็คือ

ปัญหาแหล่งอบายมุขทั้ง บ่อนการพนัน และ ตู้ม้า  ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ได้เกิดขึ้นทั่วประเทศมากมาย

ทำลายเด็กเยาวชน รวมทั้งประชาชนคนยากจนและครอบครัวของผู้ใช้แรงงานที่ ตกเป็นเหยื่อ ของแหล่งพนันดังกล่าวอย่างไม่รู้ตัว!

นำไปสู่ปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติด ปัญหาเศรษฐกิจและสังคมตามมาอีกสารพัด

การที่ ฝ่ายปกครอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรมการปกครอง ต้องจัดชุดปฏิบัติการพิเศษออกสืบสวนจับกุมบ่อนการพนันและตู้ม้าทั่วประเทศ แทนหัวหน้าตำรวจสารพัดหน่วยทั้งในส่วนภูมิภาคและส่วนกลาง ซึ่ง ไม่ได้ทำหน้าที่ของตน ในช่วงเวลากว่าห้าปีที่ผ่าน

จนแทบจะทำให้หลายฝ่ายเข้าใจว่า การจับกุมแหล่งอบายมุขเพื่อป้องกันปัญหาอาชญากรรม เหล่านี้  เป็นหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยหรือฝ่ายปกครอง ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และกรมการปกครองไปแล้วหรืออย่างไร!

บ่อนการพนัน ตู้ม้า

ตำรวจผู้ใหญ่หลายคนอ้างว่า ในต่างจังหวัด ผู้ว่าฯ นายอำเภอ เป็นนายทะเบียนตาม พ.ร.บ.สถานบริการ และ พ.ร.บ.การพนัน

ฉะนั้น จึงถือว่าเป็นผู้มีหน้าที่รับผิดชอบหลักในการสอดส่องตรวจตราและจับกุมผู้ฝ่าฝืนกฎหมายดังกล่าวด้วย?

ความคิดเช่นนี้ ถือว่าเป็น ตรรกะป่วยของตำรวจผู้รักษากฎหมาย ที่เป็นภัยอันตรายต่อชาติบ้านเมืองและกระบวนการยุติธรรมอย่างยิ่ง!

ถ้าอย่างนั้น การที่ผู้ว่าฯ นายอำเภอเป็นนายทะเบียนอาวุธปืนผู้มีอำนาจอนุญาตให้ประชาชนมีและพกพาอาวุธปืนในอำเภอและจังหวัด

ก็มีหน้าที่ต้องจัดปลัดอำเภอและ อส. ซึ่งแต่ละอำเภอมีอยู่แค่หกเจ็ดคน ผลัดกันเข้าเวรออกตรวจตราจับกุมประชาชนผู้มีและพกปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต  ป้องกันมิให้มีการนำไปใช้ก่อเหตุร้ายและประกอบอาชญากรรมต่างๆ ด้วยกระนั้นหรือ?

 ซึ่งถ้าใครคิดว่าควรเป็นเช่นนั้น รัฐบาลก็ต้องโอนกองบังคับการตำรวจจังหวัดทั่วประเทศไปขึ้นการบังคับบัญชากับผู้ว่าฯ และสถานีตำรวจไปขึ้นการบังคับบัญชากับนายอำเภอให้หมดเรื่องหมดราวไปด้วย

รวมทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ก็ต้องออกกฎกระทรวงให้ฝ่ายปกครองมีอำนาจสอบสวนความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน พ.ร.บ.การพนัน และ พ.ร.บ.สถานบริการ อย่างสมบูรณ์เช่นที่เคยออกไว้

แต่ถูก มือมืด วิ่งเต้นกับผู้มีอำนาจในหลายระดับให้ออกใหม่เพื่อยกเลิกไป!

การจับกุมแหล่งอบายมุขของฝ่ายปกครอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งโดย ชุดปฏิบัติการพิเศษ กรมการปกครอง ในช่วงเวลากว่าห้าปีที่ผ่านมา

ในความเป็นจริง ทำให้ตำรวจผู้ใหญ่หลายคนหลายระดับรู้สึกอึดอัดอย่างยิ่ง!

เพราะนอกจากแต่เดิมที่ต้องสั่ง เด้ง ตำรวจหัวหน้าสถานีและระดับรองรวมทั้งสารวัตรผู้มีหน้าที่สืบสวนจับกุมจำนวนสี่ห้าคนไปประจำ ศปก.

หรือที่เรียกว่า ศูนย์ปฏิบัติการ ระดับต่างๆ ตามหลักนิยมแบบทหาร ทั้งจังหวัด ตำรวจภาค และแม้กระทั่งตำรวจแห่งชาติ ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็น สุสานตำรวจ รวมกันถึงปัจจุบันน่าจะกว่า 300 คน แล้ว

บ่อนการพนัน ตู้ม้า

ในระยะ หลังสถานการณ์โควิดประชิดเมือง นายกรัฐมนตรีได้ส่งสัญญาณให้สั่ง “เด้ง” ตำรวจถึงระดับผู้บังคับการผู้เป็นหัวหน้าหน่วยผู้รับผิดชอบพื้นที่อีกด้วย

ประเดิมที่ ผบก.ตำรวจจังหวัดนนทบุรี ในกรณีฝ่ายปกครองบุกจับบ่อนพนัน

และ ผบก.น.4 ในกรณีการจับตู้ม้า 20 ตู้ในพื้นที่ สน.บางชัน และอีกหลายจังหวัด

ซึ่งถ้าท่านคิดจะแก้ปัญหาเรื่องบ่อนการพนันและแหล่งอบายมุขที่คาราคาซังเช่นนี้มีหลายปีอย่างจริงจัง ก็ต้องสั่ง เด้งผู้บัญชาการตำรวจผู้รับผิดชอบพื้นที่ ซักรายสองราย เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนให้ตำรวจและประชาชนทั้งประเทศเห็นทั่วกัน             

นอกจากนั้น การจับตู้ม้ารายใหญ่ในจังหวัดอุบลราชธานีที่มี แผนที่ การตั้งวางตู้ม้าในอำเภอต่างๆ กว่า 700 จุด พร้อม ศูนย์ซ่อม และ โกดัง ที่ใช้เก็บตู้ม้า ตู้สล็อต และตู้ผลไม้ ล่อเด็ก สารพัด

หลอกประชาชนเจ้าของร้านค้าต่างๆ ว่าเป็นตู้เกม ไม่ได้ผิดกฎหมายอะไร และได้ เคลียร์ตำรวจแล้ว รับรองไม่ถูกจับ!

อนุญาตให้ตั้งแล้ว ก็นั่งรอรับ ค่าไฟและค่าตั้งวาง 20 เปอร์เซ็นต์ จากยอดที่ ฝ่ายการเงิน ไปเดินสายไขตู้เก็บเหรียญสิบบาทได้ในแต่ละวัน

เครื่องเสียก็ให้โทรแจ้งศูนย์ซ่อมที่ตั้งอยู่ในจังหวัด  พร้อมจัดชุดช่างเคลื่อนที่เร็วมาแก้ไขให้ทันที

ตามมาด้วยการจับกุมบ่อนการพนันรายใหญ่ในจังหวัดระยอง ที่มีผู้เล่นเป็นร้อย และมีเงินของกลางกว่า 12 ล้านบาท

ซึ่งจากการสืบสวนของฝ่ายปกครองมาก่อนนั้น ทราบอยู่แล้วว่าเป็นบ่อนการพนันรายใหญ่ที่เชื่อว่าได้รับการคุ้มครองจากผู้มีอิทธิพล ทั้งมีสีและไม่มีสี ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบในการตรวจตราจับกุม

เข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดทางอาญาที่มีความซับซ้อน จำเป็นต้องใช้วิธีการสืบสวนสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเป็นพิเศษ ตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ มาตรา 21 (1) (ก)

จึงได้ประสานงานกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ ให้จัดกำลังไปช่วย สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเบื้องต้นตามอำนาจหน้าที่

โดยที่ไม่จำเป็นต้องนั่งรอให้คณะกรรมการมีมติรับเป็นคดีพิเศษก่อนแต่อย่างใด

เป็นไปตามกฎหมายมาตรา 23/1 ที่บัญญัติว่า ในกรณีที่มีเหตุอันควรสงสัยว่าคดีความผิดทางอาญาใดเป็นคดีพิเศษตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) ให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษมีอำนาจสืบสวนคดีดังกล่าวได้          

นอกจากนั้นยังถือการเล่นการพนันรายใหญ่และประเภทออนไลน์อาศัยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ยังเป็นความผิดมูลฐานตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน มาตรา 3 (9) ที่ ปปง.มีอำนาจยับยั้งการทำธุรกรรมทางการเงิน รวมทั้งยึดหรืออายัดทรัพย์ทุกชนิดที่ได้มาจากการกระทำผิดไว้ได้ด้วย

แต่น่าประหลาดที่การขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษไปร่วมสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานการกระทำผิดทางอาญาที่มีความซับซ้อน เชื่อว่ามีผู้มีอิทธิพลเป็นตัวการหรือผู้สนับสนุน

รวมทั้งเป็นกรณีที่สงสัยว่ามีตำรวจผู้ใหญ่เป็นผู้สนับสนุนกระทำผิดก่ออาชญากรรมเสียเองเช่นนี้!

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กลับบอกว่า

ไม่มีนโยบายให้กรมสอบสวนคดีพิเศษไปร่วมสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานอันเป็นผลให้นำไปสู่การสอบสวนเป็นคดีพิเศษแต่อย่างใด?

รวมทั้งมีบางคน เต้าข่าว ผ่านสื่อว่า มีข้าราชการฝ่ายปกครองบางพื้นที่ไปติดต่อขอให้ เคลียร์ จังหวัดนั้นจังหวัดนี้ และที่ไม่เคลียร์ก็จะถูกจับ

 จนทำให้ อธิบดีกรมการปกครอง ร้อนใจ ต้องออกมาให้ข่าวแจกจ่ายเอกสารประชาสัมพันธ์ว่า

ถ้าที่ไหนอ้างว่า เคลียร์ฝ่ายปกครองได้ เหมือนหลายหน่วยที่มีหน้าที่!

ให้ประชาชนผู้ที่พบเห็น รีบแจ้งมา จะถูกจับเป็นอันดับแรกทันที. 

บ่อนการพนัน ตู้ม้า
ที่มา: นสพ.ไทยโพสต์  คอลัมน์ เสียงประชาชนปฏิรูปตำรวจ: ฉบับวันที่ 6 ก.ค. 2563

About The Author