เลขาฯสปยธ.เฉ่งหน่วยงานรัฐไม่เป็นที่พึ่งพาประชาชนถูกตำรวจสภ.แม่อายจับลูกเมียยัดข้อหารีดเงิน ซ้ำส่งคนมาขอเคลียร์จี้นายกฯตรวจสอบการสอบสวนคดีชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
จากกรณีนายฐานะพล เสาวคนธ์ อายุ 45 ปี สามีของนางพิมพ์ชนก ปทุม อายุ 22 ปี ถูกตำรวจสภ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ จับเมียและลูกรีดเงิน3แสนแลกไม่ดำเนินคดีนำพาต่างด้าว โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวร้องเรียนว่าไม่มีความคืบหน้า
เมื่อวันที่ 8 พ.ค.2563 พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร เลขาธิการสถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม หรือ สป.ยธ. กล่าวว่า ปัญหาตำรวจจับประชาชนไปเรียกค่าไถ่ทั้งที่กระทำความผิดหรือถูกยัดข้อหานั้น ปัจจุบันมีเกิดขึ้นทั่วประเทศมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อหาค้า ครอบครองหรือเสพยาเสพติด ที่มีเรื่องเป็นข่าวขึ้นมาเพียงส่วนน้อย อาจกล่าวได้ว่าหนึ่งในสิบเท่านั้น ซึ่งเป็นกรณีที่คนที่บุคคลนั้นไม่ได้กระทำผิดหรือมีประวัติเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดเลย จึงมีการร้องเรียนขึ้น และเมื่อมีเรื่องราวเป็นข่าวขึ้นมาประชาชนก็ไม่สามารถพึ่งพาบุคคลหรือหน่วยงานได้อย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นหน่วยตำรวจที่เป็นผู้บังคับบัญชาตั้งแต่ระดับสถานี กองบังคับการ กองบัญชาการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด หรือศูนย์ดำรงธรรมระดับชาติงานรับเรื่องร้องทุกข์ของนายกรัฐมนตรี
พ.ต.อ.วิรุตม์ กล่าวว่า อย่างกรณีที่นางพิมพ์ชนก ปทุม พร้อมลูก 1 ขวบ ถูกตำรวจ สภ.แม่อาย จว.เชียงใหม่ 7 คน ตรวจค้นและยัดข้อหานำพาคนต่างด้าว รีด 500,000 และต่อรองจ่ายกัน นายฐานะพล เสาวคนธ์ สามี ตกลงจ่ายไป300,000บาท จนเป็นข่าวขึ้นเมื่อเดือนที่แล้วนั้นจนป่านนี้ การดำเนินคดีอาญา ก็ไม่มีความคืบหน้าในการลงโทษตำรวจผู้กระทำผิดแต่อย่างใด ผู้เสียหายถูกเรียกไปสอบปากคำซ้ำซากจนเกิดความเบื่อหน่าย เมื่อทำหนังสือร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดที่ผู้ว่าเป็นผู้อำนวยการ ก็กลับส่งเรื่องให้หน่วยเกี่ยวข้องคือตำรวจตรวจสอบ ซึ่งคาดหวังอะไรไม่ได้ และจนกระทั่งป่านนี้ ก็ไม่ได้มีความคืบหน้าเช่นกัน
“ซ้ำยังมีคนติดต่อมาขอเคลียร์ จะจ่ายเงินให้จำนวน 1,500,000 บาท แลกกับการกลับให้การว่า เป็นความเข้าใจผิด และไม่ติดให้มีการดำเนินคดีอาญาและวินัยอะไรทั้งสิ้น ซึ่งเรื่องนี้ เมื่อมีการร้องเรียนไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อขอให้ใช้อำนาจตามข้อบังคับกระทรวงมหาดไทยปี2523 เข้าควบคุมการสอบสวน เนื่องจากผู้เสียหายไม่ไว้วางใจตำรวจไม่ว่าจะเป็นระดับใด แต่ก็ไม่ดำเนินการ และไม่แจ้งความคืบหน้าหรือปัญหาข้อขัดข้องให้ผู้เสียหายทราบ”พ.ต.อ.วิรุตม์ กล่าว
เลขาธิการสปยธ. กล่าวว่า ปัญหานี้ นายกรัฐมนตรีควรสั่งการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยตรวจสอบว่า การสอบสวนคดีอาญาคืบหน้าไปแล้วอย่างไร เป็นการปฏิบัติที่ล่าช้า ชอบหรือมิชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบทั้งระดับสถานี ผู้กำกับ ผู้บังคับการและผู้บัญชาการ ได้ควบคุมการสอบสวนให้มีการออกหมายเรียกหรือเสนอศาลออกหมายจับตำรวจผู้เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดทุกคนเหมือนการดำเนินคดีกับประชาชนที่กระทำผิดแล้วหรือไม่ ทั้งที่เป็นตำรวจและผู้หญิงที่เป็นตัวกลางเรียกรับเงิน รวมทั้งคนที่เป็นหน้าม้ากำลังวิ่งเต้นเพื่อเคลียร์เรื่องนี้ด้วย