ศาลยกฟ้อง ‘ดีเจแมน ใบเตย’ ตำรวจทำติดคุกฟรี! ไม่มีใครต้องรับผิดชอบอะไรเลยหรือ!
ศาลยกฟ้อง ‘ดีเจแมน ใบเตย’ ตำรวจทำติดคุกฟรี! ไม่มีใครต้องรับผิดชอบอะไรเลยหรือ!
                 พันตำรวจเอกวิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร
          ระยะนี้ผู้คนกำลังตื่นเต้นกับคำพิพากษาศาลปกครองกลางที่สั่งให้กรมการขนส่งทางบกออกหลักฐานการจ่ายภาษีการใช้รถประจำปีฉบับจริงให้กับเจ้าของรถทุกคน
    โดยไม่ต้องพะวงว่า ได้จ่ายค่าปรับจราจรให้ตำรวจครบถ้วนตามจำนวนที่ ผบ.ตร.กำหนดแบบตายตัวอัตราเดียวกันทั่วประเทศแล้วหรือไม่!
    ซึ่ง อธิบดีได้มีหนังสือแจ้งไปยังสำนักงานขนส่งทั่วประเทศให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาทันที ไม่ต้องรีรอว่าคดียังไม่ถึงที่สุด อาจจะยังมีการอุทธรณ์โดยอัยการต่อไป!
    ถือเป็น “ของขวัญปีใหม่” ชิ้นใหญ่จากศาลปกครองสำหรับพี่น้องชาวไทยทั้งประเทศก็ได้
    หลังจากที่ทุกคน แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งเอง ตกอยู่ในความอึดอัดกันนานเกือบ 7 ปี!
    เพราะเมื่อประชาชนผู้อยู่อาศัยในประเทศนี้พยายามทำตัวเป็นพลเมืองดี ไปจ่ายภาษีการใช้รถให้รัฐตามกำหนดแล้ว เจ้าหน้าที่ไม่ยอมรับเงินหรือออกหลักฐานฉบับจริงให้!
    กลับถูกชี้ให้เดินขึ้นไปจ่ายค่าปรับกับ “ตำรวจ” ที่นั่งอยู่บนอาคารหรืออยู่ในห้องข้างๆ ให้เรียบร้อยเสียก่อน!
  บอกว่าเป็นไปตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก ที่ถูกแก้ไขเพิ่มเติมโดย คำสั่งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ที่ 14/2560 เมื่อวันที่ 21 มี.ค.2560 และข้อตกลงระหว่างตำรวจกับกรมการขนส่งทางบกที่ทำกันขึ้นมา
    เพื่อแก้ปัญหา ประชาชนไม่ยอมจ่ายค่าปรับจราจร ที่ค้างอยู่นับล้านใบในแต่ละปี!
    หลังคำพิพากษา ต่อจากนี้ใครที่มี ใบสั่งจราจร จากตำรวจ ไม่ว่าสถานีใด อยู่เป็นปึก แล้วยินดีไปจ่ายตาม อัตราค่าปรับตายตัวแบบมั่วๆ ของตำรวจแห่งชาติ!
  ก็จ่ายไป ไม่มีใครว่า!
      แต่ถ้าใครไม่อยากจ่าย เพราะคิดว่าไม่ได้ทำผิดหรือมีข้อต่อสู้ทางคดีอะไร รวมทั้งไม่ต้องการให้ตำรวจไม่ว่าระดับใดได้ “ส่วนแบ่งจากเงินค่าปรับ” ของตนที่ไม่เป็นธรรมและไม่มีประเทศใดในโลกเขาทำกัน
    ก็ไม่ต้องจ่าย!
    เพราะกรมการขนส่งทางบกได้ออกหลักฐานการชำระภาษีมาติดรถใช้ในการทำมาหากินได้เช่นเดิมแล้ว!
  ส่วนเรื่องการปรับ ก็เป็น หน้าที่ของพนักงานสอบสวน จะต้องออกหมายเรียกมาสอบสวนพฤติการณ์การกระทำผิดและเปรียบเทียบปรับให้เป็นธรรมในเวลาที่กฎหมายกำหนดต่อไป
    อีกเรื่องหนึ่งซึ่งผู้คนกำลังให้ความสนใจก็คือ กรณีศาลอาญาพิพากษายกฟ้องดีเจแมนและใบเตย ที่ถูกตำรวจจับกุมในคดี Forex-3D ข้อหาให้กู้ยืมอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน หรือที่นิยมเรียกกันว่า “แชร์ลูกโซ่”
  ทำให้ทั้งสองคนได้รับอิสรภาพทันที หลังจากที่ต้อง ติดคุกฟรี อยู่นาน เกือบสองปี
แม้คดีจะยังไม่ถึงที่สุด เพราะอัยการยังสามารถอุทธรณ์และฎีกาต่อได้
    แต่ก็สะท้อนว่า กระบวนการยุติธรรมไทยมีปัญหาและวิปริต!
  เพราะคนที่อัยการไม่มั่นใจว่าเขาได้กระทำความผิดตามที่ถูกตำรวจกล่าวหาและสามารถนำพยานหลักฐานมาพิสูจน์ให้ศาลพิพากษาลงโทษได้
    สั่งฟ้องคดีกันไปได้อย่างไร?
  ซ้ำความผิด รัฐสามารถออกหมายเรียกมาแจ้งข้อหาได้แล้วปล่อยตัวให้เป็นอิสระไปตามที่ ป.วิ อาญา มาตรา 134 บัญญัติไว้ เพื่อไม่ทำให้บุคคลที่รัฐธรรมนูญบัญญัติว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ไว้ก่อน ไม่ต้องได้รับความเดือดร้อน
  ถูกตำรวจถือหมายไล่จับ และนำตัวมาขังกันเหมือนหมูหมา ซ้ำยัง ค้านประกัน เพื่อทำให้เขาต้อง “ติดคุกล่วงหน้า” ก่อนศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าเขาได้กระทำผิด
    เป็นกระบวนการยุติธรรมวิปริต!
    เพราะ เมื่อศาลพิพากษายกฟ้อง ก็ไม่มีใครต้องรับผิดชอบความเสียหายที่มากมาย ไม่ว่าชีวิตร่างกาย อิสรภาพ ชื่อเสียง การเลี้ยงดูครอบครัวและเวลาในการทำมาหากิน รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่ต้องสูญเสียไปอะไรเลย
  “นายพลตำรวจ” ผู้สั่งการทุกคนหรือแม้แต่คนที่รับผิดชอบการสอบสวน ก็ล้วนแต่ลอยนวล ลอยตัว!
  อ้างกันมั่วๆ ตลอดมาว่า เป็นการทำไปตามหน้าที่และพยานหลักฐาน
    ส่วนอัยการก็บอกว่า เมื่อตำรวจรวบรวมหลักฐานเสนอมาว่า พอฟ้อง และขอให้สั่งฟ้อง
  ก็มีหน้าที่ต้องฟ้องคดีไปเพื่อให้ผู้ต้องหาไปพิสูจน์ความจริงเอาในชั้นศาล!
  เพราะการ สั่งไม่ฟ้องคดี ถือเป็นเรื่องใหญ่ในวงการอัยการ ต้องชี้แจงและตอบคำถามผู้บังคับบัญชาและผู้คนมากมายว่ามีเหตุจูงใจในการทุจริตหรือความคิดที่มิชอบอะไรหรือไม่?
  แต่ถ้า สั่งฟ้อง ไม่ต้องอธิบายอะไร เพราะอัยการและคนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องยุติธรรมแล้ว
  ทุกคนคิดกันแต่ว่า หากผู้ต้องหาไม่ได้ทำผิด ศาลก็จะให้ความยุติธรรมด้วยคำพิพากษายกฟ้อง
    ส่วน ชีวิตของคนที่ถูกออกหมายจับและถูกคุมขัง ตั้งแต่เป็นผู้ต้องหาจนกระทั่งเป็นจำเลยเพราะถูกสั่งฟ้องตามที่ตำรวจเสนอแบบมั่วๆ
  ต้องถูกควบคุมตัวเดินขึ้น-ลงระหว่างเรือนจำกับศาลอยู่นานหลายปี!
  ไม่มีใคร ไม่ว่าจะเป็น ผบ.ตร.ผู้สั่งการ รวมทั้ง “พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ” และ
“ผู้ไม่รับผิดชอบ” รวมทั้งอัยการ
    ต้องรับผิดชอบความเสียหายอะไรเลยแม้แต่คนเดียว!.
ที่มา : นสพ.ไทยโพสต์ คอลัมน์ เสียงประชาชนปฏิรูปตำรวจ : ฉบับวันที่ 30 ธ.ค. 2567

About The Author