ชาวบ้านร้องศูนย์ดำรงธรรมโดนตำรวจสภ.สุไหงปาดียัดยาเฮโรอีนรีด5แสนแลกไม่เอาผิด-สั่งเด้งตร.2นายสะพัด!มีเอี่ยวอีกนับสิบ

 

เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 2562 เวลา 19.30 น. นายอาซือมิง มะสาและ อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 363 หมู่ 7 ตำบลปะลุรู อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส เปิดเผยภายหลังเดินทางไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรม ที่ว่าการอำเภอสุไหงปาดี จ.นราธิวาส เพื่อขอความเป็นธรรมกรณีที่ถูกเจ้าหน้าที่เรียกเงิน จำนวน 500,000 บาท เพื่อแลกกับอิสรภาพ กรณีตรวจพบยาเสพติดในรถ แต่กลับละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่ดำเนินคดีตนและพวก

นายอาซือมิง เล่าว่า ตนเองพร้อมด้วย นายอิบรอเฮง ดอเลาะ ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้าเขย เป็นคนขับรถยนต์กระบะ ยี่ห้อนิสสัน รุ่น นาวารา สีส้ม หมายเลขทะเบียน ผท 21 สุราษธานี ออกจากบ้านพักเพื่อเดินทางไปยังพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พอขับรถมาถึงบริเวณด่านตรวจ สี่แยกโผลง (จุดตรวจฉัตรวาริน) เขตเทศบาลตำบลปะลุรอ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ก็มาพบกับรถยนต์กระบะ 4 ประตู โดยบุคลในรถกระบะคันดังกล่าวได้โบกรถของตนให้หยุด เพื่อขอทำการตรวจค้นภายในรถ โดยอ้างว่ามีคนแจ้งว่ารถยนต์คันดังกล่าวมียาเสพติด

ซึ่งผลการตรวจเจ้าหน้าที่อ้างว่า พบยาเสพติดประเภท 1 เฮโรอีน จำนวน 5 ถุง ซึ่งได้เก็บอยู่ในฝากระโปรงท้ายรถและได้นำตัวตนพร้อมบุคคลภายในรถ รวม 3 คน ที่อาศัยมากับรถยนต์มาที่โรงพัก สภ.สุไหงปาดี เพื่อสอบสวน และได้พูดจาเพื่อต่อรองด้วยเงิน จำนวน 500,000 บาท โดยเขาบอกว่าของกลางมีจำนวนมากเลยต้องขอเงินจำนวนดังกล่าวเพื่อแลกกับอิสรภาพของบุคคลทั้ง 3 ราย มิฉะนั้นจะจับกุมทั้งหมด ทั้งนี้ได้ให้ นางสาวสารีดา บินบอเฮง ซึ่งมากับรถคันดังกล่าวพร้อมกับตน เป็นคนดำเนินการในเรื่องของการจ่ายเงินให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจโรงพัก สภ.สุไหงปาดี ซึ่งเป็นชุดตรวจค้นดังกล่าว โดยนำเงินมาทำการจ่ายทั้งหมดที่โรงพักสุไหงปาดี

ด้านนางสาวสารีดา บินบอเฮง เปิดเผยด้วยน้ำตาว่า ในวันเกิดเหตุตนกับสามีและญาติๆ กำลงเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเพื่อพาลูกและหลานๆไปเที่ยววันเด็กในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ต่อมาได้มีรถยนต์กระบะ 4 ประตู ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ได้ขับไล่มาพร้อมสั่งให้รถยนต์ที่ตนนั่งมาด้วยจอด โดยอ้างว่ามีคนแจ้งมาว่าในรถคันดังกล่าวมียาเสพติด จากนั้นยังมีเจ้าหน้าที่อีกจำนวนหนึ่งมาสมทบพร้อมทำการตรวจค้น ซึ่งตนและญาติในรถต่างก็มึนงงกับคำกล่าวหาของเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าว ทั้งที่ในรถคันดังกล่าวมีเพียงสะตอกับมะนาวและผ้าที่จะไปร่วมงานบุญเท่านั้น

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้บังคับให้คนในรถลงจากรถให้หมด และขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบที่บริเวณท้ายกระบะโดยลำพังอยู่นั้น ตนและคนอื่นๆก็ยังนั่งอยู่ในห้องโดยสารด้านหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ รวม 8 นาย สั่งให้ทุกคนไปโรงพัก โดยอ้างว่าพบของอยู่ในรถ (ยาเสพติด) โดยไปนั่งที่โรงพักตั้งแต่เวลา 15.00 น.ถึง 18.00 น.โดยที่ลูกและหลานที่มาด้วยไม่ได้กินอะไรและร้องให้อยู่ตลอดเวลา พร้อมกับเรียกตนและคนอื่นรวม 3 คนไปสอบสวนและถามว่าจะเอาอย่างไรมีของอยู่ในรถ โดยที่ตนและคนอื่นๆ ไม่ทราบเรื่องยาเสพติดมาก่อน และของกลางที่อ้างว่าพบอยู่ในรถนั้น เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ให้ดู เพียงแต่ให้ตนยอมรับ พร้อมกับได้ถามว่ามีเงินเท่าไหร่ พร้อมกับให้ตนได้คุยโทรศัพท์กับแม่เพื่อให้ช่วยกันหาเงินให้ครบจำนวน 500,000 บาท มาจ่าย แต่แม่ได้ให้ทองมาจำนวนหนึ่งพร้อมกับหยิบยืมกับเพื่อนๆ และญาติๆ เพื่อนำไปขายและรวบรวมเงินให้ครบภายในเวลา 2 ชั่วโมง มิฉะนั้นจะจับหมดทุกคนไม่เว้นลูกหลานที่มาด้วยในวันนี้

อย่างไรก็ตามสามารถหามาได้เพียง 400,000 บาท เท่านั้น ซึ่งหลังจากต่อรองกันเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวก็ยอมตกลงกันที่ 400,000 บาท โดยนำมาจ่ายที่ห้องสอบสวน และหลังจากรับเงินจำนวนดังกล่าวแล้ว เจ้าหน้าที่จึงปล่อยตัวบุคคลทั้งหมดให้กลับบ้าน ทั้งที่ตนเองท้องมา 2 เดือน เครียดจัดจนแท้งลูก

ทั้งนี้ นายอาซือมิง พร้อมกับนายอาซือมิง มะสาและ และนายอิบรฮง ดอเลาะ และนางสาวสารีดา บินบอเฮง ได้เขียนจดหมายคำให้การที่พูดไว้ทั้งหมดในกระดาษเอ 4 จำนวน 1 ใบ เพื่อมอบให้กับ พันตรีศรัณย์ณชัย จิตรเพชร นายทหารฝ่ายกิจการพลเรือน หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48 เพื่อนำไปมอบให้กับ พลโทพรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 โดยมีนายรุ่งเรือง ธิมาบุตร นายอำเภอสุไหงปาดี และกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่มาเป็นสักขีพยานและให้กำลังใจต่อบุคคลทั้ง 3 ราย ณ ศูนย์ดำรงธรรม ที่ว่าการอำเภอสุไหงปาดี

ด้านพันตรีศรัณย์ณชัย กล่าวภายหลังรับหนังสือจากนางสาวสารีดา บินบอเฮง ผู้ร้องทุกข์ ว่า จากนี้ไปจะดำเนินให้เร็วที่สุดและจะให้ความเป็นธรรมอย่างถึงที่สุด พร้อมกับจะมอบหนังสือให้กับทางแม่ทัพภาคที่ 4 เพื่อตรวจสอบในเรื่องดังกล่าวตามขั้นตอนต่อไป.

ต่อมา เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 18 ม.ค. พ.ต.อ.สกนธ์ อนนท์รัตน์ รอง ผบก.ภ.จว.นราธิวาส และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางมายังที่ว่าการ อ.สุไหงปาดี เพื่อรับฟังคำให้การของ น.ส.สารีดา และมารดา ที่ได้เดินทางมาแจ้งความกับ พ.ต.ท.พิสิษฐ์ อุ่นใจ รอง ผกก.สส.สภ.สุไหงปาดี ณ ห้องทำงานนายรุ่งเรือง ธิมาบุตร นายอำเภอสุไหงปาดี โดย น.ส.สารีดา ระบุว่าไม่กล้าเดินทางไปแจ้งความที่ สภ.สุไหงปาดี เนื่องจากเกรงกลัวเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียกเงินจะข่มขู่ ซึ่งการให้การของ น.ส.สารีดา เป็นการให้ปากคำในทางลับโดยที่ไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องได้รับทราบ

จากนั้นนายรุ่งเรือง ธิมาบุตร นายอำเภอสุไหงปาดี พ.ต.อ.สกนธ์ อนนท์รัตน์ รอง ผบก.ภ.จว.นราธิวาส และ พ.ต.อ.ภักดี ปรีชาชน ผกก.สภ.สุไหงปาดี ได้เปิดห้องประชุมที่ว่าการ อ.สุไหงปาดี เพื่อทำความเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นกับชาวบ้านจำนวนกว่า 20 คน ที่เดินทางมาให้กำลังใจกับ น.ส.สารีดา ให้รับทราบซึ่งเจ้าหน้าที่จะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งต้องมีกระบวนการสอบสวนที่รอบคอบและรัดกุม ใครผิดเราว่าไปตามผิดจะไม่มีการช่วยเหลือแม้จะเป็นตำรวจด้วยกันเอง

พ.ต.อ.สกนธ์ อนนท์รัตน์ รอง ผบก.ภ.จว.นราธิวาส ได้เปิดเผยต่อที่ประชุมว่า ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกกล่าวหา ทางผู้กำกับการได้เสนอให้ไปช่วยราชการที่กองกำกับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส ในเบื้องต้น จำนวน 2 นาย หลังจากถูกตั้งกรรมการสอบสวน ส่วนที่เหลือมีอีกจำนวนหนึ่ง เมื่อพบว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องก็จะเสนอให้ไปช่วยราชการที่นั้นเช่นกัน

ส่วนกรณีของผู้เสียหายหรือผู้ร้องมีความเกรงกลัวถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนข่มขู่ เราก็มีมาตรการในการรักษาความปลอดภัยให้ เพื่อไม่ให้มีสิ่งที่ไม่พึ่งประสงค์เกิดขึ้น ซึ่งผมมั่นใจว่าทางผู้กำกับการ สภ.สุไหงปาดี คุ้มครองผู้เสียหายได้ ส่วนเรื่องทางคดีก็ให้ไปตามกระบวนการยุติธรรม ต้องรอให้มีความชัดเจนก่อน มันต้องอิงกับพยานบุคคลและวัตถุพยาน ส่วนเรื่องนี้จะกระจ่างก็คงต้องใช้เวลาอีกสักระยะ จนสร้างความพอใจให้กับชาวบ้านที่เดินทางมาให้กำลังใจกับ น.ส.สารีดา

แหล่งข่าวที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนในคดีนี้ ได้เปิดเผยว่า ในช่วงเย็นของวานนี้ พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาค 4 พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภ.9 ได้เชิญตัว น.ส.สารีดา เข้าพบเป็นการลับที่ห้องประชุมหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส เพื่อรับฟังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากปากของ น.ส.สารีดา และผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยมีการบันทึกการให้ปากคำเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อใช้เป็นหลักฐานและแนวทางในการสืบสวนสอบสวน โดยใช้เวลานานกว่า 4 ช.ม.จึงแล้วเสร็จ

แหล่งข่าว ระบุด้วยว่า หลังจากที่เป็นข่าวครึกโครม ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการเรียกเงิน น.ส.สารีดา เพื่อแลกกับอิสรภาพนั้น บางนายเริ่มสำนึกผิดโดยให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ โดยแจ้งว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าวมีไม่น้อยกว่า 10 คน ซึ่งเป็นผลดีต่อแนวทางการสืบสวนสอบสวน ที่จะทำให้เรื่องนี้กระจ่างโดยเร็ว

About The Author