โรงพักนี้ดี อยู่แล้วรวย  แต่คน ‘ซวย’ คือประชาชน! – พันตำรวจเอกวิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร      

ยุติธรรมวิวัฒน์

โรงพักนี้ดี อยู่แล้วรวย  แต่คน “ซวย” คือประชาชน! 

 

                                              พันตำรวจเอกวิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร   

 

สถานการณ์การแพร่ระบาดใหญ่ของไวรัสโควิด -19 รอบที่สาม หรือ อาจเรียกได้ว่าเป็นรอบสี่ ที่ขยายไปในวงกว้างกว่า สี่สิบจังหวัด

โดยไม่รู้ว่าประชาชนแต่ละคนรับเชื้อไวรัส สายพันธุ์ใหม่ ที่ติดง่ายกว่าเดิมมาจากไหน? จับต้นชนปลายไม่ถูก

ผู้คนติดเชื้อร้ายโดยไม่รู้ตัวกันมากมาย ใกล้ถึงหลักพัน ต่อวัน!

เป็นที่รู้กันดีว่า แหล่งแพร่เชื้อที่สำคัญก็คือ บ่อนการพนันและสถานบริการต่างๆ ทั้งถูกและผิดกฎหมายที่ ทำลายสังคมโดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ซึ่งมีอยู่มากมายทั่วไทย ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ซึ่ง พลเอกประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  ไม่มีความสามารถ ในการ “ตรวจสอบควบคุม ให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติปฏิบัติหน้าที่รักษากฎหมายในความรับผิดชอบได้อย่างแท้จริง!

แม้กระทั่งในช่วงเกิดการแพร่ระบาดของโรคร้ายในครั้งแรก และมีการสั่งปิดสถานบริการหลายประเภททั่วไทยกันไปพักใหญ่ เพิ่งจะกลับมาเปิดใหม่ใกล้ฤดูท่องเที่ยวได้ไม่กี่เดือน

แต่แทบทุกแห่งกลับไม่ได้ปฏิบัติตามมาตรการที่รัฐกำหนดไว้อย่างเคร่งครัดแต่อย่างใด

ความจำเป็นในการสั่งปิดสถานบริการเกือบทั่วไทย  รวมทั้งการกักตัวผู้คนไว้ 14 วันในการเดินทางเข้าพื้นที่ 35 จังหวัด ที่รัฐต้องนำมาประกาศใช้ในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดใหญ่ในรอบที่สี่ครั้งนี้

จึงอาจส่งผลทำให้ผู้คนรวมทั้งธุรกิจจำนวนมากต้องถึงขั้นล้มละลายสิ้นเนื้อประดาตัวเลยทีเดียว!

ปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะออกมาบอกว่า ไม่อยู่ในวิสัยที่รัฐบาลจะสามารถป้องกันได้ เนื่องจากประชาชนคนไทยเป็นมนุษย์พันธุ์ที่ไม่มีวินัยและไม่ให้ความร่วมมือกับรัฐ

หรือ อะไรจะเกิด ก็ต้องเกิด เหมือนที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พูดแบบ ปลงๆ กับเหตุการณ์แพร่ระบาดของเชื้อร้ายในครั้งนี้!

ถ้าพิจารณากันให้ดี จะเห็นว่า การแพร่ระบาดใหญ่ทุกครั้งล้วนมีสาเหตุสำคัญมาจากการที่มีกลุ่มอิทธิพล ฝ่าฝืนกฎหมาย โดย จ่ายส่วย ให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบโดยเฉพาะตำรวจผู้ใหญ่ในระดับต่างๆ เป็นใบเบิกทางในการกระทำผิดทุกชนิดทุกประเภทด้วยกันทั้งสิ้น

ครั้งแรกเกิดขึ้นจากกรณี ทหารยศพลตรี นายสนามมวยซึ่งตั้งอยู่พื้นที่ สน.บางเขน ฝืนมติคณะรัฐมนตรี ที่ให้ทุกหน่วยงานงดจัดกิจกรรมที่เสี่ยงจะนำไปสู่การติดเชื้อ

ซึ่งไม่มีใครทราบว่าหลังจาก ผบ.ทบ. ได้มีคำสั่งย้ายให้ไปช่วยราชการอีกที่หนึ่งชั่วคราวแล้ว

สุดท้ายได้มีการลงโทษทางวินัยกันเหมือนที่ปฏิบัติต่อทหารชั้นผู้น้อยหรือไม่อย่างไร?

ครั้งที่สอง เกิดจากขบวนการลักลอบพาคนต่างด้าวเข้าเมืองมาที่จังหวัดสมุทรสาคร และได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดหรือบกพร่องต่อหน้าที่  มีนายภักดี โพธิศิริ อดีตกรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธาน

จนกระทั่งป่านนี้ประชาชนก็ยังไม่ได้ยินผลสรุปว่า ได้มีการดำเนินคดีอาญาหรือลงโทษทางวินัยร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรงตำรวจคนใดบ้างหรือไม่เช่นกัน?

ครั้งที่สาม เกิดจากการเปิดบ่อนการพนันขนาดใหญ่ใน จังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด

อยู่ระหว่างตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยร้ายแรง  ผบก.จังหวัด ผบช. และตำรวจผู้เกี่ยวข้องฐานบกพร่องต่อหน้าที่เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการอย่างร้ายแรงกว่า 250 คน

ส่วนผลการสอบสวนอีกส่วนหนึ่งของคณะกรรมการชุดที่นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ เป็นประธาน จนถึงขณะนี้ดำเนินไปถึงไหนก็ยังไม่มีใครทราบความคืบหน้าอะไร!

ในครั้งที่สี่ กรณีมีข่าวอื้อฉาวว่า รัฐมนตรีว่าการ และผู้ติดตามทั้งตำรวจและข้าราชการหน้าห้องกว่าสิบคนไปมั่วสุมกันกับหญิงสาวใน คลับหรูขนาดใหญ่ในพื้นที่ สน.ทองหล่อ 

และติดเชื้อมาจากที่นั่น

ซึ่งเจ้าตัวรัฐมนตรีคนนั้นยืนยันว่าไม่ได้ไปเที่ยว และไม่เคยเกี่ยวข้อง แต่ติดเชื้อมาจากหน้าห้องของตนและลามไปถึง ตำรวจติดตามอีก 5 คน

ใครติดจากใคร? จริงหรือเท็จอย่างไร?

ยังไม่เคยได้ยิน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ออกมาพูดจายืนยันหรือสั่งการเกี่ยวกับ การสอบสวนโรคตามกฎหมาย อะไรเพื่อให้ประชาชนหายสงสัยข้องใจแต่อย่างใด?

นอกจากนั้น ผับหรูที่เป็นแหล่งแพร่ระบาดใหญ่แห่งนี้  ยังไม่มีเจ้าพนักงานของรัฐผู้รับผิดชอบคนใด ไม่ว่าจะเป็น ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร

และ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะที่เป็นทั้งนายทะเบียนสถานบริการในเขตกรุงเทพมหานคร และ มีหน้าที่ตรวจตรา ไม่ให้ผู้ใดฝ่าฝืนกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการเปิดสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต เปิดเกินเวลา หรือปล่อยปละละเลยให้มีการค้าหรือเสพยาเสพติด

เหตุใดจึงปล่อยให้มีการกระทำผิดเช่นนี้เกิดขึ้นได้จนเชื้อโรคร้ายแพร่ระบาดไปอย่างมากมายกระจายไปหลายจังหวัดจนยากต่อการควบคุมเช่นนี้!

ถือว่าบกพร่องต่อหน้าที่ มีความผิดทางวินัยร้ายแรงหรือไม่ร้ายแรงที่ต้องถูกดำเนินการตามกฎหมายอย่างไรบ้างหรือไม่?

หลังเป็นข่าวได้ไม่กี่วัน ก็ได้มีจับกุม ผู้จัดการคริสตัลคลับและเอมเมอรัล ข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.บ.สถานบริการ และ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินทันที

สอบสวนส่งอัยการฟ้องศาลพิพากษาจำคุก 2 เดือน โดยไม่มีการรอลงอาญา

นี่ถ้าไม่มีข่าวเรื่องรัฐมนตรีคนหนึ่งไปเที่ยวจนติดโรคร้ายเป็นพาหะกระจายไปทั่ว

การจับกุมดำเนินคดีแม้แต่ผู้ที่เป็น ลูกจ้าง หรือผู้จัดการ ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเป็น ตัวแทนเชิด ของ เจ้าของทั้งที่เป็นคนมีสีและไม่มีสี ที่แท้จริงก็คงไม่เกิดขึ้น

ปัญหาสำคัญที่สุดของประเทศไทยในเวลานี้ก็คือ  สังคมมีการออกกฎหมายต่างๆ มากมายเอาไว้เพื่อให้กลุ่มอิทธิพลและข้าราชการบางกลุ่มโดยเฉพาะตำรวจผู้ใหญ่ใช้เป็นเครื่องมือ “รีดส่วย” กันจนหลายคนร่ำรวยเป็นเศรษฐี

ตำรวจผู้ใหญ่หลายคนมีเงินนับร้อยและอาจนับพันล้าน

สถานีตำรวจหลายแห่งทั้งในเขตนครบาลและจังหวัดใหญ่ที่เต็มไปด้วยแหล่งอบายมุข เป็นที่รู้กันดีในหมู่ตำรวจและประชาชนแทบทุกคนว่า

ถ้าใครได้ไปอยู่ โดยเฉพาะได้ เป็นหัวหน้าสถานีแค่สองสามปี ล้วนแต่ รวยทุกคน!

สามารถขึ้นป้ายได้ว่า โรงพักนี้ดี อยู่แล้วรวย

แต่คน ซวย คือ ประชาชนทั้งประเทศ!.

คริสตัลคลับ

ที่มา: นสพ.ไทยโพสต์ คอลัมน์ เสียงประชาชนปฏิรูปตำรวจ:   ฉบับวันที่ 12 เม.ย. 2564

About The Author