วิกฤติสุดๆ!รองสว.สอบสวนฆ่าตัวตายอีกราย เครียด!ถูกย้ายจากสายปราบปรามไปสอบสวนทั้งที่พิมพ์ดีดไม่ค่อยเป็นชักปืนยิงหน้าอกดับหน้าเสาธงสภ.ปางศิลาทองจว.กำแพงเพชร
เกิดเหตุเศร้าสลดในวิชาชีพพนักงานสอบสวนฆ่าตัวตายซ้ำรอยอีกราย โดยเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 20 ก.ย. 2562 ขณะที่ ร.ต.อ.เกื้อกฤษ ธุมาตย์ รอง สว.สอบสวน สภ.ปางศิลาทอง จ.กำแพงเพชร ปฏิบัติหน้าที่บนโรงพัก ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหน้า สภ.ปางศิลาทอง จำนวน 1 นัด จึงออกไปตรวจสอบ พบนายตำรวจยิงตัวเองบริเวณหน้าเสาธงชาติ ห่างจากบันไดขึ้น-ลงสถานีตำรวจ ประมาณ 5 เมตร
สำหรับนายตำรวจที่ก่อเหตุยิงตัวเองดังกล่าว คือ ร.ต.อ.สุพจน์ สุขเกษม อายุ 45 ปี รอง สว.สอบสวน สภ.ปางศิลาทอง สภาพศพอยู่ในชุดเครื่องแบบ นอนหงาย หัวไปทางบันไดโรงพัก บริเวณหน้าอกซ้ายตรงหัวใจมีเลือดไหลนองออกมา นอนหายใจระรินๆ ใกล้กันพบปืนพกขนาด 9 มม.ยี่ห้อ กล็อก กระสุนอยู่ในรังเพลิง ถูกยิงออกไปแล้ว 1 นัด
หลังจากนั้นจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและแจ้งหน่วยกู้ภัยสว่างปางศิลาทอง รีบนำร่างที่ยังมีลมหายใจส่งโรงพยาบาลปางศิลาทอง ที่อยู่ห่างจากที่เกิดเหตุ 12 กิโลเมตร ซึ่งแพทย์โรงพยาบาลปางศิลาทอง ใช้เวลาปั้มหัวใจช่วยเหลือกันนานกว่า 1 ชั่วโมง แต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้ เพราะกระสุนทะลุหัวใจทำให้ ร.ต.อ.สุพจน์ เสียชีวิต ท่ามกลางเพื่อนๆเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ไปเฝ้าติดตามความคืบหน้าการรักษา
เมื่อสอบถามคนที่มาติดต่อราชการรายหนึ่งเห็นว่า ร.ต.อ.สุพจน์ เดินลงบันไดมาแล้วมายืนอยู่ด้านหน้าบันไดทางขึ้นสักพัก ก็เดินไปที่รถยนต์ปิกอัพโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ ทะเบียน บท 1465 กำแพงเพชร ที่จอดอยู่ข้างโรงพัก จากนั้นก็เดินถือปืนพกสั้นมายืนพูดหันไปทางเสาธงหน้า สภ.ปางศิลาทอง ก่อนใช้ปืนยิงไปที่หน้าอกตัวเอง 1 นัด จนร่างหงายหลังล้มลง
ขณะที่เพื่อนๆร่วมงานเล่ากันว่า สาเหตุที่ ร.ต.อ.สุพจน์ คิดสั้นยิงตัวเองตายครั้งนี้ น่าจะเป็นเพราะถูกเปลี่ยนสายงานจากงานป้องกันและปราบปราม ไปอยู่สายงานสอบสวน ซึ่งเป็นงานที่ไม่ถนัด และเกิดภาวะเครียดกับงาน ซึ่งหลังไปอบรมพนักงานสอบสวน กลับมาก็ไม่ค่อยจะพูดจากับใคร
ด้านนางชลธิชา สุขเกษม อายุ 39 ปีอยู่บ้านเลขที่174 หมู่ 2 ต.วังหามแหอ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร ภรรยา ร.ต.อ.สุพจน์ เปิดเผยว่า เห็น ร.ต.อ.สุพจน์ ผิดปกติมาหลายวัน ถามคำก็ตอบคำ ไม่ค่อยพูดค่อยจา ซึ่งปกติสามีตนเป็นคนรักครอบครัว สนุกสนานร่าเริง มีอัธยาศัยดี ทั้งกับเพื่อนๆร่วมงาน ถึงแม้จะเป็นคนพูดน้อย แต่หลังจากมีคำสั่งให้เปลี่ยนสายงานจากสายปราบปรามมาเป็นสายสอบสวน ก็เปลี่ยนเป็นคนละคน ชอบบ่นให้ฟังว่าเป็นงานที่ไม่ถนัด ต้องมาเริ่มต้นใหม่ ทั้งพิมพ์ดีดก็ไม่ค่อยเป็น อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ตัดสินใจทิ้งตนกับลูกๆอีก 3 คน อายุ 7 ปี 9 ปี และ 15 ปี ที่กำลังเรียนอยู่ไปในครั้งนี้
สำหรับ ร.ต.อ.สุพจน์ เป็นนักเรียนพลตำรวจรุ่น 26 นครสวรรค์ กองร้อย 4 วันที่ 1 ก.พ.2540 ลูกแถว ( ป ) สภ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร , วันที่ 16 ก.ย.2556 ดำรงตำแหน่งรอง สวป.สภ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก , วันที่ 15 พ.ค.2561 ดำรงตำแหน่ง รอง สวป.สภ.ปางศิลาทอง จนกระทั่งเดือนเมษายน ได้ปรับเกลี่ยเป็นพนักงานสอบสวน โดยดำรงตำแหน่ง รอง สว.( สอบสวน) สภ.ปางศิลาทอง และกำลังฝึกงานสอบสวนถึงเดือนตุลาคม เพื่อรับใบประกอบวิชาชีพงานสอบสวน สถาบันส่งเสริมงานสอบสวนตำรวจ
ก่อนหน้านี้1 วันช่วงเช้า วันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา ร.ต.อ.ทรงศักดิ์ ใจฉกรรจ์ อายุ 49 ปี ตำแหน่งเป็น รอง สวป.สภ.เมืองสิงห์บุรี ใช้อาวุธปืนปลิดชีพภายในรถยนต์ตัวเอง ขณะไปอบรมที่สถาบันส่งเสริมงานสอบสวน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม เนื่องจากเครียดจากที่ตำแหน่งเดิมเป็น รอง สวป.สภ.เมืองสิงห์บุรี ดูแลเรื่องการจราจร แต่ต้องย้ายมาเป็นพนักงานสอบสวน และไม่คุ้นกับงานสอบสวนในตำแหน่งใหม่
เมื่อวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา ร.ต.อ. สุรศักดิ์ สุวรรณศักดิ์ อายุ 50 ปี รองสว.สอบสวน สภ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ถูกย้ายจากสายสืบสวนไปอยู่สอบสวนชักปืนยิงหัวดับคาบ้านพักภายในสภ.แม่แตง ซึ่งผู้ตายเป็นคนจริงจังกับการทำงานและประกอบกับอายุมากขึ้นและในพื้นที่มีเขตรับผิดชอบในการสอบสวนมีความเจริญทางด้านการค้า มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบจำนวนมาก จึงเกิดความเครียดและก่อเหตุฆ่าตัวตาย
และเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ร.ต.อ.พิเชษฐ์ สุชาติพงษ์ รองสารวัตรป้องกันและปราบปราบ(รอง สว.ป.) สภ.มาบอำมฤต จ.ชุพร ถูกย้าย ไปอยู่ในตำแหน่งรอง สว.(สอบสวน) โดยไม่สมัครใจ ไม่ถนัด ไม่พร้อมทำงาน คิดมากจนผอม ตัดสินใจใช้ปืนยิงขมับตายภายในบ้านพัก หมู่ 12 ต.ดอนยาง อ.ปะทิว จ.ชุมพร ทิ้งจดหมายระบายความในใจ ความไม่เป็นธรรมและปัญหาตำรวจไว้สามหน้า ขณะที่ภรรยาร.ต.อ.พิเชษฐ์ โวยคำสั่งโยกย้ายครั้งนี้กลายเป็นคำสั่งตายทำลายครอบครัวตนลูกๆทั้ง 2 คนที่ต้องกำพร้าพ่อตั้งแต่ยังเด็กจึงประกาศตัดขาดวงการตำรวจ
สำหรับต้นเหตุสำคัญทำให้เกิดวิกฤติในงานสอบสวน สืบเนื่องจากมี่คำสั่งหัวหน้าคสช.ที่7/2559 ยุบพนักงานสอบสวน ส่งผลให้พนักงานสอบสวนเกิดความกดดันและเครียดจากการทำหน้าที่อย่างมากใครที่มีช่องทางก็จะขอย้ายไปอยู่สายงานอื่น แต่ไม่มีสายงานใดอยากย้ายมาอยู่สายสอบสวน เนื่องจากการทำงานที่อยู่ใต้ระบบการบังคับบัญชาแบบชั้นยศที่ผู้บังคับบัญชาสามารถสั่งให้ทำสำสวนคดีในทางมิชอบได้ และไม่มีความชำนาญงานสอบสวนเพราะต้องเชี่ยวชาญด้านกฎหมายและต้องพิมพ์ดีดคล่อง จึงทำให้มีการจับสลากมาอยู่สายสอบสวนจนเป็นข่าวครึกโครมมาแล้ว
ขณะที่การปฏิรูปตำรวจผ่านมา5 ปี ยังไม่มีความคืบหน้ากระทั่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ต้องกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด้วยตนเอง และมีการตั้งคณะกรรมการปฏิรูปตำรวจชุดใหม่ที่มีนายมีชีย ฤชุพันธ์ เป็นประธานฯอีกครั้ง ซึ่งเป็นที่จับตาว่าจะแก้ปัญหาดังกล่าวได้หรือไม่