ผบช. ผบก.ตำรวจ สารพัดหน่วยหายไปไหน? รัฐมนตรีมหาดไทยต้องออกจับบ่อน ผับเถื่อนเอง!
ผบช. ผบก.ตำรวจ สารพัดหน่วยหายไปไหน? รัฐมนตรีมหาดไทยต้องออกจับบ่อน ผับเถื่อนเอง!
พันตำรวจเอกวิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร
ปัญหากระทรวงมหาดไทย ไม่ว่าจะโดยรัฐมนตรีว่าการ หรืออธิบดีกรมการปกครองและผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ต้องอดหลับอดนอนนำกำลัง อส.ออกตรวจจับบ่อนพนันและสถานบริการผิดกฎหมายแหล่งเพาะอาชญากรรมร้ายและปัญหายาเสพติดด้วยตัวเองที่กระทำกันมานานนับสิบปี!
โดยเฉพาะกรณีการจับบ่อนพนันย่านปิ่นเกล้า การจับสถานบันเทิงผิดกฎหมายในอำเภอบางละมุง และจังหวัดปทุมธานีเมื่อสองสามวันที่ผ่านมานี้
นายเศรษฐา นายกรัฐมนตรี คิดบ้างหรือไม่ว่า นี่ไม่ใช่เรื่องปกติในสังคมไทยที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชาติและประชาชนอย่างมากมายมาช้านาน
เป็นปัญหาเร่งด่วนที่รัฐบาลจะต้องคิดแก้ไขจัดการ!
นายกรัฐมนตรีจะปล่อยให้ตำรวจผู้ใหญ่ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าสถานี ผู้บังคับการ ผู้บัญชาการ หรือแม้แต่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติผู้มีหน้าที่ ไม่ต้องมีความผิดถูกลงโทษทางวินัยไล่ออก ปลดออก
หรือแม้แต่มีความรับผิดชอบต้องถูกสั่ง “สำรองราชการ” เพราะถือว่าทำงานไร้ประสิทธิภาพ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสังคมร้ายแรงกันเช่นนี้ไปอีกนานเท่าใด?
ใครๆ ก็ทราบดีว่า บ่อนพนันและสถานบันเทิงผิดกฎหมายทุกแห่งในประเทศไทยเกิดขึ้นและดำรงอยู่ได้ ล้วนต้อง “จ่ายส่วย” ให้หัวหน้าหน่วยตำรวจทุกระดับผู้รับผิดชอบทั้งในพื้นที่และส่วนกลางทั้งสิ้น
นายพลตำรวจไม่ว่าคนไหนระดับใดไม่ต้องออกมาพูด ปลิ้นปล้อน ว่าปัญหาแก้ยาก เพราะคนไทยมีนิสัยชอบเล่นการพนันและเที่ยวเตร่เฮฮา หากใครมีหลักฐานว่าตำรวจคนใดรับส่วยสินบนก็ขอให้เอามา พร้อมจะดำเนินคดีอาญาตามกฎหมายกับทุกคนไม่มีเว้น
ทำตัวเป็นพระเอก!
ก็ตัวตำรวจคนพูดเองนั่นแหละ แท้จริงคือคนร้าย “นั่งรับส่วย” กันในวันเรียกประชุมอยู่ทุกเดือน!
บ้างก็ หน้าด้าน พูดว่า ปัญหาบ่อนพนันและสถานบริการผิดกฎหมายไม่ใช่หน้าที่ของตำรวจ โดยเฉพาะในส่วนภูมิภาค ฝ่ายปกครองโดยผู้ว่าราชการจังหวัดมีฐานะเป็นนายทะเบียนออกใบอนุญาตตามกฎหมาย
จะให้ตำรวจเป็นผู้รับผิดชอบตรวจตราทำหน้าที่แทนได้อย่างไร กระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าฯ นายอำเภอ ก็ต้องทำหน้าที่ด้วยเช่นกัน!
ผู้มีอำนาจที่โง่เขลาบางคนก็เคลิ้ม เห็นคล้อยไปตามนั้น
นายเศรษฐา นายกรัฐมนตรี รู้หรือไม่ว่า ปัจจุบันกระทรวงมหาดไทยไม่ได้มีอำนาจสั่งงานหรือควบคุมให้คุณให้โทษตำรวจคนใดในประเทศนี้แม้แต่คนเดียว!
ส่งผลทำให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ไม่สามารถตรวจสอบควบคุมงานรักษากฎหมายในจังหวัดและอำเภอให้เกิดความสงบเรียบร้อยได้
การประชุมประจำเดือนหัวหน้าส่วนราชการจังหวัด และอำเภอ ที่มีผู้ว่าฯ และนายอำเภอเป็นประธาน ปัจจุบันผู้บังคับการตำรวจจังหวัดและผู้กำกับการทุกคนทั้งประเทศแทบไม่ได้เข้าประชุมด้วยตัวเองเลย
เพราะถือว่าผู้ว่าฯ ไม่ใช่ผู้บังคับบัญชาที่ตำรวจจะต้องไปให้ความสนใจอะไร
รวมทั้งไม่ต้องการไปนั่งให้หัวหน้าส่วนราชการจังหวัดซักถามปัญหาการปฏิบัติหน้าที่ที่ตนไม่สามารถตอบได้
ประชาชนได้รับความเดือดร้อนกันแสนสาหัสมากมาย ไม่ว่าจะเรื่องพนักงานสอบสวนไม่รับคำร้องทุกข์ ไม่ดำเนินการสอบสวนโดยเร็ว หรือสอบสวนล้มคดี มีเกิดขึ้นให้เห็นเป็นข่าวออกสื่อแทบทุกวัน
ปัญหาสำคัญเกิดจากมีคนคิดอุตริแยก กรมตำรวจ ออกจากกระทรวงมหาดไทย ตั้งชื่อให้ดูโอ่อ่าเป็น “ตำรวจแห่งชาติ” ให้ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีผู้ไม่มีเวลามาให้ความสนใจอะไร
ใหญ่โตยิ่งกว่ากองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ซึ่งเป็นหน่วยงานระดับกรมสังกัดกระทรวงกลาโหมที่มีรัฐมนตรีว่าการกำกับควบคุม
ปัจจุบันตำรวจไทยในความเป็นจริงจึงกลายเป็นองค์กรอิสระในจังหวัดและอำเภอ
ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอไม่สามารถสั่งงานและตรวจสอบควบคุมอะไรให้ตำรวจรักษากฎหมายเพื่อทำให้อำเภอและจังหวัดเกิดความสงบเรียบร้อยได้
พวกนายพลตำรวจคิดกันว่า หากเห็นว่าอะไรเป็นปัญหา ผู้ว่าฯ นายอำเภอ มีปัญญาจับก็จับไป
เล่นละคร สั่งเด้ง ตำรวจผู้รับผิดชอบระดับสถานีไปช่วยราชการที่อื่นชั่วคราว
ตำรวจผู้ใหญ่โดยเฉพาะระดับผู้บังคับการและผู้บัญชาการนั้นแสนสบาย!
ไม่เคยมีใครรู้สึกเดือดร้อนกลัวเกรงว่าจะถูกลงโทษทางวินัย หรือแม้แต่การปกครองถูกสั่งสำรองราชการอะไรทั้งสิ้น.
ที่มา : นสพ.ไทยโพสต์ คอลัมน์ เสียงประชาชนปฏิรูปตำรวจ : ฉบับวันที่ 8 ก.ค. 2567