วนในอ่าง!นายกฯนั่งหัวโต๊ก.ตร.-ก.ตช.ตั้งบก.กฎหมายและคดีประจำภาคแก้ปัญหาวิกฤติงานสอบสวน ดันผู้ช่วยพงส.ขึ้นเป็นพงส.ฟุ้งแก้ถูกจุด

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เวลา 14.00 วันที่ 14 พ.ย.2562  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ครั้งที่ 10/2562 โดยมีวาระสำคัญ อาทิ การกำหนดตำแหน่งข้าราชการตำรวจให้กับกองบังคับการกฎหมายและคดี สังกัด ภ.1-9, บรรจุและแต่งตั้งนางหทัยรัตน์ ลาวัณย์รัตนากุล (นอกราชการ) กลับเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร, ร่างกฎ ก.ตร.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาบุคคลเพื่อเสนอให้วุฒิสภาเลือกเป็นกรรมการข้าราชการตำรวจผู้ทรงคุณวุฒิ พ.ศ. … และวาระอื่นๆ  จากนั้นเวลา 15.00น.เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ(ก.ตช.) โดย ใช้เวลาประมาน 1ชั่วโมงครึ่ง

ประยุทธ์ กตร.

ภายหลังการประชุม พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ในฐานะโฆษกตร. กล่าวว่า ในการประชุมวันนี้มีอยู่ 2 เรื่องคือการประชุม ก.ต.ช. และ ก.ตร. ส่วนการประชุม ก.ต.ช. มีการเห็นชอบกรณีการตัดโอนตำแหน่งอาจารย์ ระดับ สบ.6 หรือผู้บังคับการที่มีอยู่ตามคณะต่างๆของโรงเรียนนายร้อยตำรวจให้มาขึ้นตรงต่อโรงเรียนนายร้อยตำรวจโดยตรง ตามกฎหมายถ้าตำแหน่งเกินกว่าผู้บังคับการขึ้นไปต้องเสนอ ก.ต.ช.เห็นชอบ ส่วนเรื่องที่ 2 เป็นการตัดโอนตำแหน่งที่ไม่มีความจำเป็นแล้ว 3 ตำแหน่ง คือที่ปรึกษาบริหารราชการด้านการปราบปราม ตัดมาเป็นตำแหน่งผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทำหน้าที่ประสานงานรัฐสภา ประสานงานทั้งวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฏร 1 ตำแหน่ง ส่วนอีก 2 ตำแหน่ง ตัดโอนตำแหน่งรองผู้บัญชาการประจำให้มาเป็นรองผู้บัญชาการท่องเที่ยว 1 ตำแหน่ง และรองผู้บัญชาการศึกษา 1 ตำแหน่ง ทั้ง 3 ตำแหน่งทุกวันนี้มีคนครองอยู่แล้ว โดยตำแหน่งนี้จะมีผลบังคับเมื่อมีการแต่งตั้งใหม่เกิดขึ้น

ส่วนการประชุม ก.ตร.ที่ประชุมมีการเห็นชอบกำหนดตำแหน่ง กองบังคับการกฎหมายและคดีประจำตำรวจภูธรภาค 1-9 คือให้กองบัญชาการภาค 1-9 มีกองกฎหมายและคดี ดูแลคดีปกครอง คดีอาญา และคดีแพ่ง และการตรวจสำนวนต่างๆ มีตำแหน่งผู้บังคับการภาคละ 1 ตำแหน่ง แต่เป็นการโอนจากผู้บังคับการประจำที่อยู่ตามภาคต่างๆมาเป็นผู้บังคับการกองคดีฯ กำลังพลของแต่ละกองบังคับการไม่เกิน 100 นาย

ส่วนเรื่องที่ 2 การเห็นชอบกฎ ก.ตร.ว่าด้วยหลักเกณฑ์สรรหาบุคคลเลือกเป็นกรรมการ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ตามประกาศ ก.ตร.ต้องมี 11 คน ทุกวันนี้มีแค่ 9 คน ยังขาดอีก 2 คน 2 ท่านที่ยังขาดตามกฎหมายต้องให้วุฒิสภาเป็นคนเลือก แต่ขั้นตอนจาก ก.ตร.ไปหาวุฒิสภายังไม่มี จึงมีการกำหนดวิธีการคัดเลือกให้ ก.ตร.กำหนดให้ ผบ.ตร.เสนอ 2 เท่า เช่น เสนอวุฒิสภา 4 คน ให้ ก.ตร.พิจารณาภายนอกเรียงลำดับกันมาแล้ว แล้วส่งให้วุฒิสภาเลือก 2 คน ถ้าวุฒิสภาไม่เลือกก็กลับมานับหนึ่งใหม่ และทางนายกฯให้บัญชาว่าให้เอาแนวทางนี้ไปเป็นแนวทางการคัดเลือก ก.ต.ช.ผู้ทรงคุณวุฒิอีก 2 คนเช่นเดียวกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่าการกำหนดแต่งตั้งกองบังคับการกฎหมายและคดี เป็นการแก้ไขปัญหาพนักงานสอบสวนที่ยังมีปัญหาถูกโยกย้ายไปประจำอยู่ตามกองบัญชาการหรือกองบังคับการตั้งแต่ คสช.ยุบแท่งพนักงานสอบสวนใช่หรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า  เป็นอีกข้อในการแก้ปัญหาพนักงานสอบสวนที่ถูกโยกย้ายไปอยู่ตามกองบัญชาการต่างๆ ที่ไม่มีงานทำ ต่อไปทุกคนจะมีงานทำในการดูแลสำนวนคดีอาญา คดีแพ่งและมีโอกาสเติบโตไปตามหน้าที่เพราะตั้งแต่ระดับ รอง ผกก.ลงไป ทางกองบัญชาการจะเป็นผู้พิจารณาแต่ตั้งเอง ส่วนระดับ ผกก.ขึ้นไปจะนำเข้าบอร์ดการพิจารณา

“ส่วนพนักงานสอบสวนที่ยังขาดแคลนก็จะให้ผู้ช่วยพนักงานสอบสวนที่มีคุณวุฒิครบถ้วนคัดเลือกให้เป็นพนักงานสอบสวนเพราะกลุ่มคนเหล่านี้รู้งานสามารถก้าวขึ้นเป็นพนักงานสอบสวนได้และเป็นการแก้ไขปัญหาถูกจุด”

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวถึงกระแสข่าวว่า จะมีการขยายเวลาการแต่งตั้งโยกย้ายระดับ สว.-รองผบก. วาระประจำปี 2562 ที่มีการแชร์ข้อมูลในโลกโซเชียล ว่า กระแสข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ยืนยันว่าการแต่งตั้งโยกย้ายดำเนินการแล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาภายในวันที่ 30 พ.ย. แน่นอน ซึ่งทุกหน่วยต้องทำบัญชีแต่งตั้งให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 20 พ.ย. และออกคำสั่งแต่งตั้งวันที่ 27 พ.ย. โดยให้มีผลพร้อมกันในวันที่ 2 ธ.ค.อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้การแต่งตั้งโยกย้ายยังไม่มีอะไรติดขัด

About The Author