กองบัญชาการตำรวจภาคไม่มีก็ได้!แต่ตำรวจผู้ใหญ่ต้องการมีไว้เพื่ออะไร? – พันตำรวจเอกวิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร
กองบัญชาการตำรวจภาคไม่มีก็ได้!แต่ตำรวจผู้ใหญ่ต้องการมีไว้เพื่ออะไร?
พันตำรวจเอกวิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร
สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิดรอบสามที่จะส่งผลทำให้ประชาชนหลายคนหลายครอบครัวถึงกับต้องสิ้นเนื้อประดาตัวในขณะนี้
โดยยังไม่มีทีท่าว่าจะจบหรือสงบลงอย่างไร? และจะทำให้ผู้คนต้องเจ็บป่วยหรือถึงขั้นล้มตายลงอีกมากน้อยเท่าใดนั้น?
เป็นที่รู้กันดีว่าการระบาดของโรคร้ายในรอบสามครั้งนี้ มีสาเหตุสำคัญมาจาก กลุ่มนักพนันทั้งออฟไลน์และออนไลน์ ที่นำเชื้อจากบ่อนทั้งในประเทศรวมทั้งพวกที่ลอบข้ามเขตแดนกัมพูชาเข้ามา
โดยไม่ผ่านช่องทางตรวจตราของ ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และ หน่วยงานป้องกันโรค ตามที่รัฐได้กำหนดมาตรการปฏิบัติสารพัดเอาไว้ และ หัวหน้าตำรวจผู้รับผิดชอบ ทุกหน่วย คุยโขมงโฉงเฉง เวลาให้สัมภาษณ์สื่อกันแต่อย่างใด!
กลุ่มเจ้ามือการพนันที่ลักลอบข้ามเขตแดนไปมาได้พากันเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวบึ่งเข้ากรุงเทพฯ นัดกันไปเสพสุขต่อที่ สถานบริการผิดกฎหมาย หรือแท้จริงก็คือ ซ่องขนาดใหญ่ ในพื้นที่ สน.ทองหล่อ!
สถานีตำรวจที่เมื่อปี 2556 บอส ได้ก่อเหตุขับรถชนนายดาบตำรวจวิเชียรตายแล้วหลบหนี ซึ่งการสอบสวนในทุกขั้นตอนที่แสนยอกย้อนได้ใช้เวลา กว่า 7 ปี และ จนกระทั่งบัดนี้คดีก็ยังไม่ถึงศาลแต่อย่างใด!
ซึ่งสถานบริการผิดกฎหมายในพื้นที่ สน.แห่งนี้ได้กลายเป็นสถานที่แพร่เชื้อโรคร้ายให้กับผู้คนมากมายที่เข้าไปเที่ยวหรือเกี่ยวข้องกับการทำงานในสถานบันเทิงนั้น
บ่อนการพนันและสถานบันเทิงผิดกฎหมายทุกแห่งในประเทศไทย ในความเป็นจริงล้วนเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคร้ายทั้งประเภทติดต่อและไม่ติดต่อ รวมทั้งก่อปัญหาสังคมและอาชญากรรมสารพัดรวมทั้งยาเสพติดด้วยกันทั้งสิ้น!
โดยที่รัฐบาลไม่ว่ายุคสมัยใด ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจหรือคิดที่จะแก้ปัญหาแหล่งอบายมุขผิดกฎหมายที่ส่งผลเสียหายทำลายสังคมโดยเฉพาะเด็กหนุ่มสาวเหล่านี้อย่างจริงจังแต่อย่างใด?
เนื่องจาก นายกรัฐมนตรี และผู้มีอำนาจไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทใดมัก หลงคำเท็จ ของ พวกตำรวจผู้ใหญ่โดยเฉพาะชั้นนายพล ที่ชอบพูดกรอกหูสื่อมวลชนและประชาชนอยู่เสมอๆ ว่า
มนุษย์เผ่าพันธุ์ไทย มีนิสัยสันดานชอบเล่นการพนันมาแต่โบราณ!
ตำรวจจับเท่าไหร่ก็ไม่หมด ไม่เข็ดหลาบ แก้ยาก!
“พลตำรวจเอก” ผู้มีอำนาจบางยุคสมัยที่มีนิสัยเป็น “นักการพนัน” ก็ยังพยายามเบี่ยงเบนประเด็นปัญหา ด้วยการพูดหรือเสนอว่า รัฐควร เปิดบ่อนขนาดใหญ่ คือให้เป็น เจ้ามือกาสิโน เสียเองให้รู้แล้วรู้รอดหมดเรื่องหมดราวไป!
อ้างอีกด้วยว่า จะทำให้รัฐจัดเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้นอีกมากมายในแต่ละปี
ส่วน การค้าประเวณี ก็ พูดมั่วว่า เป็นอาชีพเก่าแก่ทั้งของไทยและของโลก มีอยู่ทั่วไปในแทบทุกประเทศ
และยิ่งเศรษฐกิจของชาติไม่ดี ซ่องโสเภณี ที่อยู่รูปแบบต่างๆ ตั้งแต่สถาน อาบอบนวดสมัยใหม่และแบบโบราณ สวนอาหาร ร้านคาราโอเกะ ผับและบาร์สารพัด ก็ยิ่งจะมีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว
สรุปก็คือ หัวหน้าตำรวจผู้รักษากฎหมายผู้ใหญ่ในพื้นที่ต่างๆ ประเทศไทย มักจะคิดและพูดกันเสมอๆ ว่าไม่น่าจะต้องไปซีเรียสกับปัญหาบ่อนการพนันหรือสถานบันเทิงผิดกฎหมาย และ ซ่องโสเภณีหลากหลายรูปแบบเหล่านี้แต่อย่างใด?
เพราะนอกจากตำรวจจะกวดขันจับกันเท่าไหร่ก็ไม่หมดแล้ว แท้จริงไม่ได้สร้างความเสียหายต่อรัฐหรือประชาชนมากมายอะไร ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติจะดีกว่า!
แต่นายกรัฐมนตรีและผู้มีอำนาจและ นักวิชาการหรืออาจารย์มหาวิทยาลัย ทุกคนหารู้ไม่ว่า เบื้องหลังคำพูดนั้น
คือการ สร้างม่านควัน ป้องกันไม่ให้มีการตรวจสอบหรือสั่งการจับกุมการกระทำผิดกฎหมายเหล่านี้ ซึ่งแท้จริงได้มีการ ส่งส่วยให้ตำรวจผู้ใหญ่ ในระดับต่างๆ ทั้งเป็นรายเดือนและตามโอกาสรวมแต่ละเดือนแต่ละปีมีจำนวนมหาศาลเป็นสำคัญ!
รวมทั้งในกรณีที่มีปัญหาเกิดขึ้น ไม่ว่าผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และกรมการปกครองไปตรวจจับเอง หรือเกิดเหตุร้ายถึงขนาดฆ่ากันตายในบ่อนเขตนครบาลหรือสถานบันเทิงผิดกฎหมายที่ใดขึ้นมา เช่นกรณีบ่อนพระราม 3 และอีกมากมาย
นอกจากการสั่ง เด้ง ตำรวจผู้รับผิดชอบให้ไปช่วยราชการที่อื่นชั่วระยะหนึ่งแล้ว
ก็จะได้ไม่ถูกตั้งประเด็นกล่าวหานำไปสู่การดำเนินคดีว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือมีความผิดทางวินัยร้ายแรงและ แม้กระทั่งไม่ร้ายแรงอะไรทั้งสิ้น อีกด้วย!
ความเสียหายจากบ่อนการพนันและสถานบริการผิดกฎหมายได้ปรากฏชัดขึ้นเมื่อเกิดกรณีการติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งถูก นักสืบสาธารณสุข รายงานอย่างตรงไปตรงมายิ่งกว่า นักสืบตำรวจ และ หน่วยสอบสวนทั้งแบบ “ธรรมดา” และ “พิเศษพิสดาร” หน่วยใด!
เป็นเหตุทำให้ ผบ.ตร.จำเป็นต้องออกคำสั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง หลังมีหลักฐานจากรายงานของสาธารณสุขจังหวัดระยองและชลบุรีว่า
มีผู้ติดเชื้อโควิดจากการเข้าไปเล่นการพนันในบ่อนทั้งสองแห่งนั้น
ประเด็นปัญหาที่ผู้รับผิดชอบต้องสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ไม่ใช่เรื่องการ รับส่วยสินบน ของตำรวจผู้มีหน้าที่รับผิดชอบระดับต่างๆ ทั้งรายเดือนและตามโอกาสจากนายบ่อนแต่อย่างใด?
เพราะในความเป็นจริงคงหาได้ยาก หากนายกรัฐมนตรีไม่สั่งการ “ทีมงานที่ไว้ใจได้” ซึ่งไม่ใช่ตำรวจ เรียกนายบ่อนไปให้ข้อมูลที่ทำเนียบรัฐบาลโดยตรงก็คือ
เหตุใดตำรวจผู้รับผิดชอบทุกระดับเหล่านี้จึงไม่ได้ตรวจตราหรือจับกุมบ่อนการพนันแห่งนี้ตามอำนาจหน้าที่ของตน?
จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อชาติประชาชนและราชการอย่างร้ายแรง ถือเป็นความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
มีโทษเพียงสองสถานคือ “ไล่ออก” และ “ปลดออก” จากราชการไป!
ในวันที่ 6 มกราคม 2564 หลังจากการรายงานสาเหตุการติดเชื้อจากบ่อนพนันของสาธารณสุขจังหวัดระยองและชลบุรี
ผบ.ตร.ก็ได้มีคำสั่งที่ 3/2564 ตั้ง กรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง ผบก.ทั้งสองจังหวัดและตำรวจผู้รับผิดชอบเกี่ยวข้องอีกรวม 7 คน ตามรายงานของจเรตำรวจแห่งชาติ
ตามมาด้วยคำสั่ง ฉบับที่ 167/2564 ลงวันที่ 2 เมษายน 2564 เพิ่มเติมอีกรวม 249 คน!
คือตำรวจทุกคนตั้งแต่ ยศพลตำรวจโทไปจนกระทั่งนายสิบ ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการตรวจตราและจับกุมแหล่งอบายมุขใน จังหวัดระยอง ทั้งตำรวจภาค บก.จังหวัด สภ.เมือง ระหว่างเดือนมีนาคม 2563 ไปจนกระทั่งปลายเดือนธันวาคม 2563
ส่วน จังหวัดชลบุรี ก็ทั้ง ตร.ภาค บก.จังหวัด และ สภ.เมือง ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบระหว่างเดือน ก.ค. ถึงปลายเดือน ธ.ค.2563
กองบัญชาการตำรวจภาคนั้น เป็นที่รู้กันดีในหมู่ตำรวจผู้น้อยมาช้านานแล้วว่า ไม่ได้มีคุณค่าอะไรต่อตำรวจผู้ปฏิบัติงานตรวจตราและป้องกันอาชญากรรมในแต่ละพื้นที่แต่อย่างใด!
แม้กระทั่งในงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานการกระทำผิดอาญาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในทุกสถานีก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรายงานให้ตำรวจภาคทราบให้เปลืองกระดาษและค่าโทรศัพท์อยู่เช่นทุกวันนี้
แต่ตำรวจบางกลุ่มก็ต้องการให้มีไว้ เพื่อที่จะได้ เลื่อนยศเป็นนายพล เป็นเกียรติประวัติแก่วงศ์ตระกูล
รวมทั้งได้มีโอกาส นั่งรับส่วยสินบน กันจนบางคนร่ำรวยเป็นเศรษฐีก่อนเกษียณเป็นสำคัญ!.
ที่มา: นสพ.ไทยโพสต์ คอลัมน์ เสียงประชาชนปฏิรูปตำรวจ : ฉบับวันที่ 26 เม.ย. 2564