ตำรวจฆ่าตัวตายรายวัน!ร.ต.อ.ผูกคอตายในสวนยูคาฯ พ.ต.ท.-สารวัตรสอบสวนใช้สายเตารีดผูกคอโยงราวบันไดเสียชีวิต
วงการสีกากีสุดเศร้าอีก เมื่อวันที่ 29 ต.ค.2562 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ศาลาวัดโบราณหลวง หมู่ 1 ต.สารจิตร อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งสวดพระอภิธรรมศพ ร.ต.อ.ชูชีพ จำลอง อายุ 59 ปี รอง สวป. สภ.บ้านแก่ง อ.ศรีสัชนาลัย หลังทำหนังสือลางาน 10 วัน แล้วหายตัวไปกระทั่งพบกลายเป็นศพใช้เสื้อผูกคอเสียชีวิตในสวนยูคาลิปตัส อ.ภูเรือ จ.เลย ซึ่งญาตินำศพกลับมาถึงเมื่อเวลา 2 ทุ่มคืนที่ผ่านมา พบญาติผู้เสียชีวิตอยู่ในอาการโศกเศร้าเสียใจจากการสูญเสียดังกล่าว
นางวรรณา จำลอง อายุ 47 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า อยู่กินกันมาหลายปี สามีไม่เคยมีปัญหาทะเลาะกับใคร ทั้งที่บ้านและที่ทำงาน เป็นคนทำงานจริงจัง ไม่ยุ่งเกี่ยวยาเสพติด ก่อนเกิดเหตุสังเกตสามีมีอาการเครียด จึงแนะนำให้ลางานพักผ่อนบ้าง สามีจึงลางาน 10 วัน แล้วหายไปติดต่อไม่ได้ จนกระทั่งทราบข่าวว่าสามีไปผูกคอเสียชีวิตที่ จ.เลย ซึ่งไม่ติดใจในสาเหตุการเสียชีวิตแต่อย่างใด
นอกจากนี้เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 62 ที่ผ่านมา ก็ได้เกิดเหตุ ร.ต.ท.สมภาค ยศเดช อายุ 57 ปี รอง สวป. (ช่วยงานธุรการคดี) สภ.ศรีสัชนาลัย ก่อเหตุใช้อาวุธปืนประจำกาย ขนาด 9 ม.ม. จ่อยิงขมับตัวเองเสียชีวิตที่บ้านพัก ต.ดงคู่ อ.ศรีสัชนาลัย สอบปากคำญาติทราบว่าน่าจะเกิดจากความเครียดเรื่องหนี้สินและสุขภาพ เนื่องจากป่วยเป็นอัมพฤกษ์ อยู่ระหว่างการรักษา กระทั่งมาก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งถือเป็นสูญเสียนายตำรวจไปเดือนละศพ
และเมื่อวันที่ 30 ต.ค.2562 ร.ต.อ.ณภัทร สุทธิธนากูล รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งพบศพนายตำรวจผูกคอเสียชีวิตในบ้านพัก จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนจะรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมแพทย์เวรโรงพยาบาลนางรอง และหน่วยกู้ภัยสยามรวมใจปู่อินทร์นางรอง โดยมี พ.ต.อ.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย รองผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.บุรีรัมย์ พร้อม พ.ต.อ.ภควัต ธรรมดี ผู้กำกับการ สภ.นางรอง ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วย
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นบ้านพักข้าราชการตำรวจ แบบ 2 ชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ อยู่ติดกับที่ว่าการอำเภอนางรอง เมื่อเข้าไปตรวจสอบพบศพ พ.ต.ท.ศุภศิษฎ์ สมศรี อายุ 48 ปี ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่ง สารวัตรสอบสวน สังกัดสถานีตำรวจภูธรนางรอง ในสภาพต่างกายครึ่งท่อนใช้สายเตารีดผูกคอตัวเองติดกับราวบันได บริเวณหน้าห้องน้ำชั้นล่าง โดยศพอยู่ในสภาพขึ้นอืดส่งกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้ง จึงคาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาแล้วไม่น้อยกว่า 4-5 วัน
จากการตรวจสอบสภาพศพเบื้องต้นไม่พบร่องรอยบาดแผลจากการถูกทำร้ายร่างกาย จึงสันนิษฐานว่าน่าจะเกิดความเครียดเรื่องงาน หนี้สิน หรือปัญหาในครอบครัวเพราะผู้ตายพึ่งหย่าร้างกับภรรยา และแยกกันอยู่ได้ไม่นาน และมาอาศัยอยู่บ้านพักหลังดังกล่าวคนเดียวได้ระยะหนึ่งแล้ว
ด้านนางจิดาภา ดวงชะอุ่ม อายุ 40 ปี น้องสาวภรรยาของผู้ตาย เล่าว่า ตนเองไม่ได้เห็น พ.ต.ท.ศุภศิษฎ์ ซึ่งเป็นพี่เขยมาประมาณ 2 สัปดาห์แล้ว หลังจากที่แยกกันอยู่กับพี่สาว แต่พี่สาวเล่าบอกตนเองว่า พึ่งเจอกับพี่เขยเมื่อตอนวันเสาร์ ที่ผ่านมา เพราะพึ่งนัดพูดคุยกันเรื่องเงินค่าเลี้ยงดูบุตร แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้เจอกันอีก กระทั่งมาทราบว่าพี่เขยผูกคอเสียชีวิตแล้วก็รู้สึกตกใจมาก ส่วนสาเหตุที่พี่เขยคิดสั้นนั้น ตนเองก็ไม่ทราบอาจจะเครียดเรื่องงาน หนี้สิน หรือเครียดเรื่องครอบครัว เพราะพึ่งหย่ากับพี่สาวและแยกกันอยู่ได้ไม่กี่เดือน.