อัยการสั่งฟ้อง’อดีต ผกก.โจ้’กับลูกน้องรวม 4 ข้อหนัก ตั้งคณะทำงาน 6 คน

 

ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ วันที่ 15 พ.ย.2564 นายอิทธิพร แก้วทิพย์ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด นายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษกฯ และนายวรินทร สาสนัส รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ร่วมแถลงข่าว ความคืบหน้าการสั่งฟ้องคดี พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผกก.โจ้ อดีตผกก.สภ.เมือนครสวรรค์ กับพวกรวม 7 คน คดีร่วมกันใช้ถุงดำคลุมศีรษะ นายจิระพงษ์ หรือมาวิน ธนะพัฒน์ ผู้ต้องหาคดียาเสพติดจนเสียชีวิต ภายใน สภ.เมืองนครสวรรค์

โดยนายอิทธิพร กล่าวว่า ช่วงบ่ายวันนี้อัยการได้นำสำนวนยื่นฟ้องคดีของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ หรือ โจ้ อุทธนผล หรือ ผกก.โจ้ กับพวกรวม 7 คน เป็นจำเลยต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางแล้วรวม 4 ข้อหาประกอบไปด้วย

1.เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

2.เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

3.ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย

4.ร่วมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น

อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 157, 288, 289 (5), 309 วรรค 2 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 4, 172 โดยคดีดังกล่าวอัยการสูงสุดเป็นผู้มีอำนาจพิจารณาและมีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 143 วรรคท้าย

สืบเนื่องจากนายจิระพงษ์หรือมาวิน ธนะพัฒน์ ผู้เสียชีวิต ซึ่งถูกจับและควบคุมไว้ในคดียาเสพติดและถูกฆ่าถึงแก่ความตายขณะอยู่ในความความควบคุมของเจ้าพนักงานเมื่อช่วงระหว่างวันที่ 4-6 สิงหาคม พ.ศ.2564 ที่ สภ.นครสวรรค์

ด้านนายวรินทร สาสนัส รองอธิบดีอัยการ เปิดเผยว่า จากการตรวจรายละเอียดพยานหลักฐานในสำนวนแล้ว ทางพนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้รวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ ไว้ในสำนวนค่อนข้างละเอียด ครบถ้วน ซึ่งตนมั่นใจในพยานหลักฐานทั้งหมดที่จะนำสืบต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯจะพิจารณาพิพากษาลงโทษพวกจำเลยได้ โดยอดีตผกก.โจ้กับพวกนั้นไม่ได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมเข้ามาให้อัยการพิจารณา และวันนี้อัยการฝ่ายคดีอาญาทุจริต 3 ได้นำสำนวนพร้อมพยานหลักฐานต่างๆที่พนักงานสอบสวนส่งให้อัยการพิจารณารวม 7 แฟ้ม ได้เสนอต่อศาลพิจารณาด้วย โดยศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางได้ประทับฟ้องไว้ เป็นคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท.180/2564 ไว้พิจารณา

อย่างไรก็ตามในท้ายคำฟ้องอัยการได้ยื่นคัดค้านการปล่อยชั่วคราวจำเลยทั้งหมดเนื่องจากเป็นคดีร้ายแรง โทษสูงสุดคือประหารชีวิต หากปล่อยชั่วคราวเกรงว่าพวกจำเลยจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานในคดี

ขณะที่นายประยุทธ กล่าวว่า คดีนี้อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นผู้มีอำนาจสั่งคดีตามที่กฎหมายระบุไว้ว่าคดีวิสามัญฆาตกรรมหรือการตายระหว่างการควบคุมของเจ้าหน้าที่ให้เป็นอำนาจของอัยการสูงสุด พิจารณาสั่งคดีเพียงคนเดียว ซึ่งอสส. ได้พิจารณาสำนวนคดีอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว จึงมีคำสั่งฟ้องครบทุกข้อหา โดยเฉพาะข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยทรมาน ทารุณโหดร้าย ตามป.อาญามาตรา 289 (5) โทษประหารชีวิตสถานเดียว

ทั้งนี้เมื่ออัยการสูงสุดสั่งฟ้องแล้ว คณะพนักงานอัยการที่ได้รับมอบหมายก็ได้ดำเนินการยื่นฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯเรียบร้อยแล้ว จากนั้นกระบวนการก็จะเข้าสู่การพิจารณาของศาลอาญาคดีทุจริตฯต่อไป โดยอัยการสูงสุดไต้ตั้งคณะทำงานขึ้นรับผิดชอบคดีนี้รวม 6 คน โดยมีนายวุฒิรัตน์ มีผดุง รองอัยการสูงสุด เป็นหัวหน้าคณะทำงาน

เมื่อถามว่า การสั่งฟ้องข้อหาตามกฎหมาย ป.อาญา มาตรา 289 (5) เจตนาฆ่าผู้อื่นโดยทารุณโหดร้าย นั้นได้ยื่นฟ้องต่อ ผกก.โจ้ กับพวกเป็นคดีแรกหรือไม่ นายอิทธิพร โฆษกอสส.เผยว่า คดีนี้ไม่ใช่คดีแรกที่อัยการได้สั่งฟ้องข้อหาดังกล่าว ที่ผ่านมาอัยการได้ยื่นฟ้องจำเลยอื่นๆในความผิดฐานนี้ อาทิ ไอซ์ หีบเหล็ก คดีฆ่ายกครัวที่ภาคใต้ คดีตั้งใจที่จะฆ่าและจุดไฟเผาทั้งเป็น

เมื่อถามว่า ที่ผู้ต้องหาอ้างว่าเป็นการปฎิบัติหน้าที่ ไม่ได้เจตนาฆ่าผู้ตายนั้น ทางอัยการมีความเห็นอย่างไร โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ก็เป็นสิทธิ และข้ออ้างการต่อสู้คดีของผู้ต้องหาทั่วไป ขึ้นอยู่กับพิจารณาของศาล
ส่วนที่มีข่าวปรากฎต่อสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 12 พ.ย. ที่ผ่านมานั้น เป็นเอกสารที่อื่น ไม่ใช่ของสำนักงานอัยการสูงสุด สิ่งที่อัยการสูงสุดท่านมีคำสั่งและดำเนินการเป็นไปตามที่แถลงในวันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลการสอบเพิ่มเติมในบางประเด็น เพิ่งส่งมาถึงเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ก่อนที่คณะพนักงานอัยการที่รับผิดชอบคดีจะประชุมในช่วงเช้าเพื่อทำคำฟ้องและยื่นฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อัยการสูงสุดได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อรับผิดชอบดำเนินคดีนี้ จำนวน 6 คน ประกอบด้วย 1.นายวุฒิรัตน์ มีผดุง รองอัยการสูงสุด เป็นหัวหน้าคณะทำงาน 2.นายรชต พนมวัน อัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 3 3.นายครรชิต หุตะกมล อัยการผู้เชี่ยวชาญ 4.นายอรินทัต ศรีขจรลาภ อัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด 5.ว่าที่พ.ต.อ.ธงชัย กีรติธรรมากร อัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด คณะทำงาน และ 6.นางธารณี โกญจนาท เดวิสัน อัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด คณะทำงานและเลขานุการ

About The Author