‘บ่อนกาสิโน’ ถูกกฎหมาย ให้เปิดใน ‘จังหวัดและอำเภอ’ พื้นที่ สส.ผู้เห็นชอบ

ยุติธรรมวิวัฒน์

“บ่อนกาสิโน” ถูกกฎหมาย ให้เปิดใน “จังหวัดและอำเภอ” พื้นที่ สส.ผู้เห็นชอบ

 

                                                   พันตำรวจเอกวิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร

 

ถึงเวลานี้ บ่อนพนันขนาดใหญ่ หรือที่ชาวต่างชาติเรียกกันว่า กาสิโน คงเกิดขึ้นในแผ่นดินไทยในเวลาอีกไม่นานอย่างแน่นอน!

เพราะผู้แทนราษฎรพรรคเพื่อไทยที่เป็นรัฐบาล โดยเฉพาะ นายเศรษฐา นายกรัฐมนตรี  เข้าใจว่า เป็นของดี ที่จะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจ นำรายได้เข้าประเทศ สร้างความเจริญให้ประเทศไทยมากมาย

ซ้ำพูดย้ำด้วยความมั่นใจว่า ที่ผ่านมา ประเทศเสียโอกาสนี้ไปอย่างน่าเสียดาย?

เมื่อพรรครัฐบาลและพรรคร่วมมีความคิดและความเห็นกันเช่นนี้ ก็คงไม่มีใครสามารถขัดขวางได้ แม้พรรคฝ่ายค้านทั้งหมดจะไม่เห็นด้วยก็ตาม

ขณะนี้รายงานการศึกษาที่กระทำโดย ผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการสายบ่อน เสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร ได้ผ่านความเห็นชอบโดยเสียงส่วนใหญ่ไปแล้ว

ขั้นตอนต่อไปก็คือ การ จัดทำร่างกฎหมาย ให้เจ้าพนักงานของรัฐมีอำนาจอนุญาตจัดตั้งบ่อนพนันขนาดใหญ่ที่เรียกว่า กาสิโน ซึ่งหมายถึงแหล่งรวมการพนันทุกชนิดเอาไว้

นั่นหมายถึงว่า การพนันประเภท ก. 27 รายการตาม พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ.2478   เช่น ไฮโลโปปั่น ไพ่สามใบ กำถั่ว จับยี่กี น้ำเต้าปูปลา บาคาร่า สล็อตแมชชีน และอีกมากมายที่รัฐห้ามเล่นเด็ดขาด ไม่มีการอนุญาตในทุกกรณี

เพราะรัฐเห็นว่าเป็นการพนันประเภทที่ทำให้เกิดการได้เสียส่งผลเสียหาย ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงฐานะทางเศรษฐกิจของบุคคล หรือเรียกง่ายๆ ว่า “ความฉิบหาย” ในเวลาอันรวดเร็ว

จึงอนุญาตให้เล่นได้เฉพาะการพนันประเภท ข. ซึ่งมีลักษณะเป็น วัฒนธรรมพื้นบ้านและการกีฬาปะปนกัน เพื่อการสันทนาการและพักผ่อนหย่อนใจในระดับหนึ่ง ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อสังคมมากนัก

ซึ่งหากกฎหมายกาสิโนนี้ผ่านความเห็นชอบของสภา เจ้าพนักงานรัฐผู้มีอำนาจก็สามารถอนุญาตให้จัดตั้งบ่อนพนันประเภท ก. ทุกชนิดไว้ในสถานที่เดียวกันได้

ประชาชนคนไทยคงไม่ต้องลักลอบเล่นหวยใต้ดิน บาคาร่า หรือไฮโลโปปั่น โดยเจ้ามือ จ่ายส่วยให้ตำรวจผู้ใหญ่ เพื่อให้ “หลับตา” ไม่ทำหน้าที่ตรวจตราจับกุม กันเช่นที่ผ่านมาต่อไป

ส่วนจะจริงหรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง!

นายอำเภอ ผู้ว่าฯ ข้าราชการ แม้แต่ครูและอาจารย์ สารวัตรตำรวจ ผู้กำกับ ผู้บังคับการ ไปจนถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งภาค หรือแม้กระทั่งแห่งชาติ ทุกคนก็สามารถเข้าไปเล่นในบ่อนพนันที่ชอบตามกฎหมายนี้ได้!

โดยตรรกะสิ่งใดที่รัฐบัญญัติกฎหมายห้าม ย่อมเป็น ของไม่ดีที่สร้างความเสียหายต่อสังคม อย่างแน่นอน

โดยเฉพาะ การพนันถือเป็นกิจกรรมที่ไม่ก่อให้เกิดผลผลิต หรือ Non Productive Activity

คนหนึ่งเล่นได้ หลายคนเสีย ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป แต่ละคนไม่เป็นอันทำงานการอะไร

มีแต่เจ้ามือและตำรวจผู้ใหญ่หัวหน้าผู้รักษากฎหมายเท่านั้น ที่เป็น “ผู้ได้ตัวจริง” แน่นอน! 

อันที่จริง ถ้าจะทำให้ถูกกฎหมาย รัฐบาลก็ต้องพิสูจน์ให้สิ้นสงสัยเสียก่อนว่า แท้จริงการพนันประเภท ก. ที่รัฐห้ามเล่นเด็ดขาด เป็นของดีต่อประเทศชาติและประชาชนทุกเพศวัย

ไม่ใช่เรื่องเสียหายอย่างที่รัฐบาลในอดีตเข้าใจ

บ่อนพนันถูกกฎหมายในประเทศไทยนั้น ไม่ใช่ไม่มีอย่างที่นักการเมืองและนักวิชาการหลายคนหลงเข้าใจแต่อย่างใด

เพราะกฎหมายบัญญัติไว้สำหรับ การพนันประเภท ข. รวม 28 รายการ เช่น การแข่งม้า

(บุ๊กเมกิ้ง) ชกมวย แข่งเรือ วัวชน ตีไก่ กัดปลา บิงโก บิลเลียด ฯลฯ ประชาชนสามารถขออนุญาตเจ้าพนักงานจัดให้มีการเล่นได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด

แต่การพนันประเภท ข. มีปัญหาเรื่อง เล่นได้เสียกันช้า รวมทั้งมีเงื่อนไขเรื่องเวลาและใช้พื้นที่มากในการจัดเล่น เช่น แข่งม้า แข่งเรือ วัวชน ตีไก่ ก็กระทำได้เฉพาะกลางวัน พอตกค่ำแม้เปิดไฟ ม้าก็วิ่งไม่ได้ เพราะแมลงจะเข้าตา

การพนันประเภท ข.จึงไม่ถูกใจ นายบ่อนและนักการเมืองผีพนัน ที่ต้องการให้มีการเล่นกันแบบไม่จำกัดเวลา ประชาชนทั้งต่างชาติและคนไทยได้เสียในเวลาอันรวดเร็ว

โดยหลัก คณิตศาสตร์การพนัน ไม่ว่าประเภทใด สุดท้ายเจ้ามือจะเป็นฝ่ายได้เสมอ

 โจทย์ใหญ่ในการตั้งบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายก็คือ รัฐบาลจะหวังให้ใครเข้าไปเล่น?

ต้องการเน้นผู้ที่เป็นชาวต่างชาติหรือ “คนไทย” กันแน่

และจะแก้ปัญหา “ตำรวจผู้ใหญ่รับส่วย” หรือหารายได้

ถ้าหวัง หลอกนักท่องเที่ยวต่างชาติโง่ ให้เข้าไปเล่น ไม่เน้นคนไทยนั้นถูกต้อง แม้จะไม่สอดคล้องกับวัฒนธรรมประเพณีและครรลองคลองธรรมของรัฐบาลที่ดี

แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องคำนึงถึงแต่อย่างใดในสถานการณ์ที่รัฐบาลนี้ มุ่งแต่เรื่องการหาเงินมากกว่าศีลธรรม ความยุติธรรม และวัฒนธรรมประเพณีอันดีของสังคม

ถ้ากฎหมายผ่านสภา ขอให้เปิดบ่อนกาสิโนใน “พื้นที่จังหวัดและอำเภอ” ของ สส.พรรครัฐบาลที่ให้ความเห็นชอบเป็นลำดับแรก        

และหวังว่า หวยใต้ดินและบ่อนไฮโลโปปั่น รวมทั้งการพนันสารพัดในจังหวัดและอำเภอในเขตพื้นที่ สส.ที่เห็นชอบนั้นคงหมดไปตามที่ตั้งใจไว้.

 ที่มา:  นสพ.ไทยโพสต์ ฉบับวันที่ 8 เม.ย. 2567       

About The Author