‘รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย’ และผู้ว่าฯ ปราบมาเฟียไม่ได้ เพราะไม่มีอำนาจควบคุม ‘ตำรวจ’ และ ‘การสอบสวน’
‘รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย’ และผู้ว่าฯ ปราบมาเฟียไม่ได้ เพราะไม่มีอำนาจควบคุม ‘ตำรวจ’ และ ‘การสอบสวน’
พันตำรวจเอกวิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร
สภาพสังคมไทยในปัจจุบัน คนมีเงินหรือมีอำนาจอาจพูดว่า เรายังดีกว่าอีกหลายประเทศ
หนุ่มสาวหรือคนรุ่นใหม่จึงไม่ควรดิ้นรนเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงหรือปฏิรูปประเทศให้สังคมเกิดความวุ่นวายอะไร?
เขาพูดเช่นนั้น ก็เพราะตัวเขาและญาติพี่น้องรวมทั้งบริวารไม่ได้เดือดร้อนเลือดตาแทบกระเด็นเช่นชีวิตของคนจนหรือคนไร้อำนาจและเส้นสายแต่อย่างใด
ความเหลื่อมล้ำที่สำคัญและสร้างความคับแค้นใจร้ายแรงให้กับประชาชนคนไทยในขณะนี้ก็คือ
“ความยุติธรรม” ที่ส่วนใหญ่ได้กลายเป็น “ความอยุติธรรม”
แม้กระทั่งชื่อ “กระทรวงยุติธรรม” ประชาชนคนไทยและชาวต่างชาติส่วนใหญ่ก็ยังสงสัย!
ฟังแล้วตะขิดตะขวงใจว่ารัฐมนตรีได้ทำงาน “ตรงตามชื่อ” จริงหรือไม่?
เพราะความเสมอภาคทางกฎหมายตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ ประชาชนคนยากจนแทบจะ หาไม่ได้ในความเป็นจริง?
และสิ่งนี้กำลังสะสมพลังเป็นระเบิดเวลาลูกใหญ่ของสังคมไทยในอนาคต!
ในช่วงเวลานี้มีการพูดถึงเรื่อง “ฝรั่งเตะหมอ” ที่ภูเก็ต
เรื่องราวได้ลุกลามบานปลายกลายเป็น ปัญหามาเฟีย ที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดรีบกลับจากต่างประเทศมาจัดการให้เรียบร้อย?
มาเฟีย หรือ ผู้มีอิทธิพล หมายถึงบุคคลผู้กระทำผิดกฎหมายไม่ว่าเรื่องใหญ่เรื่องเล็กแล้วไม่ถูก ตำรวจจับหรือดำเนินคดี
นั่นหมายถึงต้องมี “ความสัมพันธ์อันดี” กับหัวหน้าสถานีหรือตำรวจผู้ใหญ่ในพื้นที่
โดยเริ่มจากการ “กินฟรี”!
“ผู้มีอิทธิพลตัวจริง” บางคน แม้ศาลมีคำพิพากษาจำคุกแล้ว ก็ไม่ต้องติดคุกเข้าไปรับผ้าห่มและหมอนนอนในเรือนจำเช่นนักโทษทั่วไปแม้แต่คืนเดียว!
โดยที่คนไทยทั้งประเทศได้แต่นั่งทำตาปริบๆ ไม่สามารถทำอะไรได้!
ชาวต่างชาติส่วนใหญ่ที่ได้ยิน ต่างตั้งคำถามว่า “มันเป็นไปได้อย่างไร”?
ผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศไทยในขณะนี้จะมีจำนวนเท่าใดไม่มีใครทราบแน่ชัด
แต่ถ้ายึดคำจำกัดความว่า คือ บุคคลที่ทำผิดกฎหมายแล้วไม่ถูกตำรวจจับ
คงจะมีจำนวนนับไม่ถ้วนทุกจังหวัดแม้กระทั่งอำเภอ!
เริ่มตั้งแต่เจ้าของซ่องหลากหลายรูปแบบ เจ้ามือหวยทั้งรายเล็กและรายใหญ่ที่ “จ่ายส่วย” ให้หัวหน้าสถานี ผู้บังคับการ ผู้บัญชาการตำรวจพื้นที่
รวมทั้งตำรวจหน่วยพิเศษ “เฉพาะกิจเฉพาะเก็บ” ต่างๆ เป็นประจำทุกเดือน และการกระทำผิดกฎหมายค้าขายของเถื่อนอีกสารพัด!
ไม่จะเป็นเจ้าของรถบรรทุกหนักหรือสถานบันเทิงผิดกฎหมายทำลายเด็กและเยาวชน นายบ่อนพนันออฟไลน์ออนไลน์มีทั้งในและนอกเครื่องแบบและอีกมากมาย
การที่นายเศรษฐา นายกรัฐมนตรีสั่งให้นายอนุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจัดการปราบมาเฟียผู้มีอิทธิพล
ซึ่งหมายถึงคนทำผิดกฎหมายแล้ว “ตำรวจไม่จับ” ให้หมดไป
แต่เมื่อเขาไม่มีอำนาจควบคุมตำรวจและการสอบสวนให้ดำเนินคดีอาญากับมาเฟียหรือผู้กระทำผิดกฎหมายคนใด
ทำได้เพียงเชิญตำรวจมาประชุม “ขอความร่วมมือให้ทำหน้าที่”
แล้วทั้งรัฐมนตรีว่าการ รัฐมนตรีช่วย และผู้ว่าฯ จะปราบมาเฟียผู้มีอิทธิพลในจังหวัดและประเทศไทยได้อย่างไร?
นับแต่ปี พ.ศ.2478 เป็นต้นมา ได้มีการประกาศใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาถือเป็น กฎหมายแม่บท ของการรักษาความสงบเรียบร้อยในสังคมไทย
ได้บัญญัติให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้รักษาการ มีอำนาจออกข้อบังคับให้เจ้าพนักงานของรัฐทุกกระทรวงทบวงกรมถือปฏิบัติเมื่อใช้ ป.วิ อาญา ทำงานตามหน้าที่ของตน
มี กรมตำรวจ เป็นหน่วยงานหลักในสังกัด ทำหน้าที่ตรวจตรารักษากฎหมายเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยในชุมชนและสังคม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยออกข้อบังคับอะไรให้ทุกหน่วยถือปฏิบัติตาม ป.วิ อาญา
ทุกหน่วยงานก็ไม่ได้มีปัญหาหรือข้อขัดข้องอะไร
เช่น การออก ข้อบังคับกระทรวงมหาดไทยที่สำคัญในปี 2509 ให้นายอำเภอและผู้ว่าราชการจังหวัดมีอำนาจเข้าตรวจสอบหรือควบคุมการสอบสวนคดีอาญาที่ประชาชนร้องเรียนว่าไม่ได้รับความยุติธรรม
ทำให้ตำรวจไม่กล้า “สอบสวนแบบไม่มีเลขคดี” จะได้ไม่ต้องมีสำนวนการสอบสวนให้นายอำเภอและอัยการสามารถตรวจสอบได้เช่นที่กระทำกันในปัจจุบัน
หรือรวบรวมพยานหลักฐานกันไม่ครบถ้วน แต่ง “นิยายสอบสวน” ส่งให้อัยการสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องคดี
หน่วยตำรวจทั้งสถานีและผู้บังคับการจังหวัดยังมีความเกรงใจนายอำเภอและผู้ว่าฯ เพราะไม่สามารถปฏิบัติโดยมิชอบในการสอบสวนได้ตามอำเภอใจ
แต่หลังจากที่ได้มีคนอุตริแยกกรมตำรวจออกจากกระทรวงมหาดไทย ไปตั้งชื่อเป็น “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ”
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยก็ไม่สามารถควบคุมตำรวจและตรวจสอบงานสอบสวนคดีอาญาได้เช่นเดิมอีกต่อไป
ยิ่งในปี พ.ศ.2556 ได้มี ผบ.ตร.คนหนึ่ง ถูก “แก๊งพลตำรวจเอก” หลอกให้ออกคำสั่งมิชอบด้วยกฎหมายที่ 419/2556
ห้ามมิให้พนักงานสอบสวนส่งสำนวนให้นายอำเภอหรือแม้แต่ผู้ว่าราชการจังหวัดตามที่แจ้งมาว่ามีประชาชนขอความเป็นธรรมให้ตรวจสอบ
ซ้ำย้ำว่า ถ้าพนักงานสอบสวนคนใดฝ่าฝืนขืนปฏิบัติตามข้อบังคับกระทรวงมหาดไทย จะถูกลงโทษทางวินัย!
เมื่อกระทรวงมหาดไทยไม่มีอำนาจสั่งงานตำรวจหรือแม้แต่ “ตรวจสอบการสอบสวน” ตามที่ข้อบังคับกระทรวงมหาดไทยบัญญัติไว้
แล้วนายกรัฐมนตรีจะหวังให้รัฐมนตรีว่าการ และผู้ว่าฯ ปราบมาเฟียหรือผู้มีอิทธิพลสารพัดในจังหวัดและประเทศได้อย่างไร?.
ที่มา : นสพ.ไทยโพสต์ คอลัมน์ เสียงประชาชนปฏิรูปตำรวจ : ฉบับวันที่ 11 มี.ค. 2567