ผู้ว่าฯกทม.นำทีมแจ้งความ ปรับนายกฯ6พันบาทไม่สวมหน้ากากอนามัย
เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2564 ในโลกโซเชียลได้เกิดกระแสโจมตี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยในระหว่างการประชุมทีมที่ปรึกษาเรื่องการจัดหาวัคซีนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งที่ผู้ร่วมประชุมทุกคนสวมใส่ จนเกิดคำถามจากสังคมว่าประกาศของ กทม.เลือกปฏิบัติหรือไม่อย่างไร และเมื่อเวลา 15.43 น. เพจเฟซบุ๊ก ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ซึ่งก่อนหน้านี้ได้โพสต์ข้อความและภาพการประชุมดังกล่าว ล่าสุดได้ลบภาพออกไปแล้ว เนื่องจากเป็นภาพที่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้สวมใส่หน้ากากอนามัยจนเกิดคำถามจากสังคม
ต่อมา พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก “ผู้ว่าฯ อัศวิน” ระบุว่า “กรณี มีภาพ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดหน้ากากอนามัยระหว่างการประชุมที่ปรึกษาเกี่ยวกับการจัดหาและการกระจายวัคซีน เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2564 เวลาประมาณ 11.00 น. ณ ห้องประชุมสีเขียว ทำเนียบรัฐบาล นั้น
หลังจากการประชุม นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งมายังผม ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครให้ตรวจสอบว่ากรณีดังกล่าวเป็นความผิดหรือไม่
ผมจึงได้แจ้งว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืน ประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง ให้ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้งตลอดเวลาที่ออกนอกเคหสถาน หรือสถานที่พำนัก เป็นความผิดตามมาตรา 51 แห่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ซึ่งความผิดดังกล่าว พนักงานสอบสวนมีอำนาจเปรียบเทียบปรับได้ ตามระเบียบคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ว่าด้วยหลักเกณฑ์การเปรียบเทียบ พ.ศ.2563 โดยมีอัตราการเปรียบเทียบปรับตามบัญชีท้าย เป็นจำนวนเงิน 6,000 บาท
ต่อมา ผม พร้อมด้วย ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ พนักงานสอบสวน สน.ดุสิต จึงเดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล โดยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นผู้กล่าวหา ในฐานความผิดดังกล่าว นายกรัฐมนตรี ยินยอมให้เปรียบเทียบปรับ จึงได้ให้พนักงานสอบสวน สน.ดุสิต เปรียบเทียบปรับตามอัตราดังกล่าวครับ
ทั้งนี้ศูนย์บริหารสถานการณ์โรคโควิด-19 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) ได้รวบรวมจังหวัดที่มีคำสั่งกำหนดมาตรการให้ประชาชนใส่หน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า เมื่ออยู่นอกเคหสถาน หากฝ่าฝืนจะต้องโทษปรับเป็นเงินจำนวน 20,000 บาท ตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 นั้น ล่าสุดพบว่ามี 50 จังหวัดแล้ว ส่วนของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ก็มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 26 เม.ย.เป็นต้นไป
ฝ่ายกฎหมายของ กทม.ชี้แจงว่า กรณีขับรถหรืออยู่ในรถคนเดียว ไม่ใส่หน้ากากอนามัยได้ แต่ถ้ามีคนอื่นนั่งมาด้วยต้องใส่หน้ากากอนามัย ฝ่าฝืนจะถูกโทษปรับตามกฎหมายสำหรับผู้ไม่ใส่หน้ากากอนามัย