เหยื่อกระบวนการยุติธรรมที่ล้าหลัง’ฤทธิชัย เสือเดช’แพะฆ่าคนตาย สู้คดีจนศาลยกฟ้อง
เพจ ทนายคู่ใจ รายงานความคืบหน้าคดีแพะสมุทรสงคราม กรณี นายฤทธิชัย เสือเดช ตกเป็นผู้ต้องหาฆ่าคนตาย สู้คดีกระทั่งศาลยกฟ้อง โดยระบุว่า วันนี้ 22 มีนาคม พ.ศ.2564 เวลา 09.00 น.ศาลจังหวัดสมุทรสงครามได้อ่านคำพิพากษา คดีดำ อ.609/2563 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดสมุทรสงคราม โจทก์ กับนายฤทธิชัย เสือเดช จำเลย ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น
โดยในคดีนี้อัยการได้ฟ้องว่านายฤทธิชัย หรือนายต๊อบได้ร่วมกับพวกอีกคนหนึ่งใช้อาวุธปืนยิงผู้อื่นถึงแก่ความตาย เหตุเกิดเมื่อ 23 มิ.ย.58 เวลา 22.00 น.
แต่ด้านจำเลยบอกว่าไม่ได้ทำ ตนเองตกเป็นแพะในคดีนี้ เนื่องจากในวันเวลาเกิดเหตุ ตนเองอยู่ในค่ายบำบัดฟื้นฟูยาเสพติดซึ่งจัดโดยฝ่ายปกครองจังหวัดสมุทรสาคร อันมีการคุ้มกันดูแลอย่างแน่นหนา มีการเช็คชื่อทุกชั่วโมง และมีครูฝึกดูแลรอบค่าย มีพยานบุคคลยืนยันฐานที่อยู่ให้ได้
โดยเบื้องต้น ก่อนฟ้องคดีนี้สู่ศาลนั้น จำเลยได้ไปร้องหน่วยงานมาหลายที่ เนื่องจากติดขัดเรื่องเงินประกันตัว เพราะคดีฆ่าคนตายนั้นมีอัตราค่าประกันตัวอยู่ 500,000 บาท แต่ทว่าไม่มีหน่วยงานไหนให้ความช่วยเหลือ เนื่องจากเชื่อว่าเป็นผู้เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด
จนกระทั่งมาร้องเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ จึงได้มอบหมายให้ทนายปิยณัฐ สุกยัง ทนายประจำเครือข่ายเข้าช่วยเหลือคดีนี้
เมื่อคดีเข้าสู่กระบวนการศาล จำเลยก็ได้เรี่ยไรเงินจากผู้ใจบุญที่เชื่อว่าจำเลยบริสุทธิ์ ก็ลงขันกันจนสามารถเช่าหลักทรัพย์ได้
ส่วนทางด้านทนายก็จัดเตรียมพยานหลักฐาน ทั้งลงพื้นที่เกิดเหตุ พูดคุยกับพยานที่สามารถยืนยันความบริสุทธิ์ของจำเลยได้ และนำเสนอสู่ศาล
แต่ทั้งนี้ ในกระบวนการสืบพยานนั้น ก็มีพยานซึ่งเป็นฝ่ายปกครอง ผู้อำนวยการศูนย์บำบัดฟื้นฟู และครูให้การต่อศาลว่าเห็นจำเลยอยู่ค่ายจนเกือบสี่ทุ่ม จึงเป็นไปไม่ได้ ที่จำเลยจะออกจากค่ายไปยิงคนตาย
และอีกอย่างการฝึกอบรมนั้นเป็นไปตามมาตรฐานของกระทรวงมหาดไทย มีครูฝึกดูแลทั้งโรงนอน ทั้งทางเข้าออก บุคคลใดจะเข้าออก ก็ต้องมีการแจ้งชื่อ อีกทั้งสถานที่ฝึกนั้นก็มีแม่น้ำล้อมรอบ มีทางเข้าออกได้เพียงแค่ทางเดียว โรงนอนที่จำเลยนอนนั้น ก็ล็อกกลอนแน่นหนา ออกได้ทางเดียว มีครูฝึกเฝ้าอยู่ หากต้องการเข้าห้องน้ำ ก็ต้องขออนุญาต
ซึ่งนั่นหมายความว่า หากผู้ใดหลบหนีจากค่าย ครูฝึกจะต้องรู้ หรือไม่ครูฝึกก็อาจรู้เห็นกับทางจำเลย ซึ่งเป็นไปไม่ได้
อีกทั้งประจักษ์พยานที่มาเบิกความต่อศาลนั้นก็ไม่ยืนยันได้ชัดเจนว่าจำเลยกระทำความผิดจริง และพยานบุคคลบางปากที่ตำรวจสอบปากคำไว้นั้น ก็กลับคำให้การในชั้นศาลว่า ที่ให้การไว้ในชั้นตำรวจนั้นไม่เป็นความจริง เนื่องจากถูกตำรวจข่มขู่
ทั้งนี้ศาลได้อ่านคำพิพากษาให้ฟังว่าพยานทางฝั่งโจทย์ ไม่มีผู้ใดยืนยันหรือเห็นชัดว่านายฤทธิชัยเป็นผู้กระทำ ไม่มีหลักฐานที่จะเชื่อมโยงมาถึงนายฤทธิชัยได้ ประกอบกับนายฤทธิชัยได้มีพยานหลักฐานยืนยันตัวตน ว่าในขณะที่เกิดเหตุ นายฤทธิชัยได้อยู่ที่ค่ายบำบัด ศาลจึงมีคำสั่งให้ยกฟ้องคดีนี้
#แพะคดีฆ่า #คดีแพะสมุทรสงคราม