คดีหวย 30 ล้าน กับปัญหาการสอบสวนแบบจับแพะชนแกะ

virute vivat

คดีหวย 30 ล้าน กับปัญหาการสอบสวนแบบจับแพะชนแกะ

 

พันตำรวจเอกวิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร

 

                ปัญหาตำรวจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งมีบางคนใช้อำนาจโดยมิชอบสร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนในกรณีต่างๆ ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน

ขอเรียนต่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า หลายพื้นที่หลายจังหวัดแม้กระทั่งในเขตนครบาล บ่อนพนันและสถานบันเทิงผิดกฎหมายค้าขายยาเสพติดมอมเมาเยาวชนยังมีอยู่หลายรูปแบบ  ไม่เปลี่ยนแปลง

                เพราะปัญหาสำคัญก็คือ ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอไม่สามารถควบคุมหรือสั่งให้หัวหน้าสถานีตำรวจปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายได้ ทำให้ส่วนใหญ่ไม่อยากมีปัญหากับตำรวจ เพราะหากทำขึงขังไป แต่สุดท้ายก็จัดการอะไรไม่ได้

เนื่องจากไม่มีอำนาจให้คุณหรือลงโทษตำรวจคนใดได้แม้แต่คนเดียว!

ความสำคัญของการแก้ปัญหายาเสพติด ไม่ใช่การอวดอ้างของตำรวจแต่ละหน่วยไม่ว่าระดับใดว่าได้มีผลงานจับแต่ละเดือนหรือปีละเท่านั้นเท่านี้

ตัวชี้วัดประสิทธิภาพที่แท้จริงก็คือ ประชาชนยังสามารถซื้อหายาเสพติดในท้องตลาดได้ง่ายหรือไม่?  ราคาถูกแพงมากน้อยเพียงใด?

อย่างย่านชานเมืองขณะนี้ เมื่อสี่ห้าปีก่อนยาบ้าเม็ดละร้อยกว่า แต่ว่าปัจจุบัน เหลือสามเม็ดร้อย” เท่านั้น!  เป็นเหตุให้เกิดปัญหาอาชญากรรมตามมาสารพัด

เมื่อสัปดาห์ก่อน นอกจากกรณีที่ประชาชนเมาธ์กันสนั่นเมืองเรื่องตำรวจ จับสลากเป็นพนักงานสอบสวน ทั้งที่หลายคนไม่พร้อมและไม่เต็มใจ   เนื่องจากอายุมากเกินไป หรือไม่มีทักษะและความชำนาญในการทำงานสอบสวน

ถือเป็นปรากฏการณ์ที่เลวร้ายและเป็นอันตรายต่อกระบวนการยุติธรรมอย่างยิ่ง

อีกเรื่องหนึ่งก็กรณีตำรวจลุมพินี “ฆ่า” นักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสตายคาหน้าร้านโดนัทย่านสุขุมวิท สาเหตุเนื่องมาจากการแย่งจีบผู้หญิงคนเดียวกัน และตำรวจคนนั้นชกต่อยสู้ไม่ได้ เลยใช้อาวุธปืนไปไล่ยิงจนตาย!

ตามด้วยนักศึกษาจังหวัดมหาสารคาม ถูก ตำรวจไม่แต่งเครื่องแบบ” บุกค้นห้องพัก รุมทำร้ายจนปากบวม  บังคับให้ลงชื่อรับสารภาพว่าค้ายาเสพติด เมื่อไม่สำเร็จและรู้ว่าค้นผิดห้อง ก็พากันล่าถอยไป

อีกกรณีที่อื้อฉาวก็คือ คดี  5 เด็กชายวัยรุ่นรุมโทรมเด็กหญิงอายุ 12 ปีที่ร้านค้ากลางเมืองสระบุรี แต่กลับปรากฏคลิป “ตำรวจร่วมวงเจรจาในการเคลียร์ ทั้งที่เป็นความผิดต่อรัฐ มีญาติของเด็กชายพยายามต่อรองเรื่องค่าเสียหายให้เรื่องจบๆ กันไป จนพ่อเด็กหญิงเกิดโทสะ  ลุกขึ้นเตะเด็กชายหลายคนจนสลบเหมือด

เมื่อปรากฏข่าว ทำให้ประชาชนเกิดความไม่พอใจ  แห่กันไปที่สถานีตำรวจหลายร้อยคน โดยมีตำรวจผู้ใหญ่ออกมาอธิบายว่า ความล่าช้าเกิดจากปัญหาการรอสอบปากคำเด็กตามกฎหมาย ต้องนัดหลายฝ่ายมาร่วมสอบสวน ทำให้ยังไม่สามารถจับและควบคุมตัวเด็กผู้กระทำผิดได้

เป็นความจริงหรือไม่?

ป.วิ อาญา มาตรา 133 ทวิ วรรคท้าย บัญญัติว่า   ในกรณีจำเป็นเร่งด่วนอย่างยิ่ง ไม่อาจรอนักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ หรือบุคคลที่เด็กร้องขอและพนักงานอัยการในการร่วมถามปากคำพร้อมกันได้  ให้พนักงานสอบสวนถามปากคำเด็กโดยมีบุคคลหนึ่งบุคคลใดตามวรรคหนึ่งอยู่ร่วมด้วยก็ได้ โดยบันทึกเหตุที่ไม่อาจรอได้นั้นไว้ในสำนวน”

                ถ้าตำรวจผู้ใหญ่ผู้รับผิดชอบมีความรู้และเข้าใจกฎหมายอย่างถ่องแท้ ก็สามารถแก้ปัญหาได้ง่ายนิดเดียว  คือ ทันทีที่ทราบเหตุแล้วยังนัดหมายทุกฝ่ายไม่ได้ ก็สั่งให้พนักงานสอบสวนไม่ว่าจะหญิงหรือแม้กระทั่งชายมาซักถามและบันทึกปากคำเด็กหญิงไว้เบื้องต้น ต่อหน้าพ่อแม่     แค่นี้ ก็สามารถใช้เป็นหลักฐานดำเนินคดีกับกลุ่มวัยรุ่นได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น

สำหรับปัญหา คดีหวย 30 ล้าน ในที่สุดศาลจังหวัดกาญจนบุรีก็ได้มีคำสั่งประทับฟ้องกรณีที่ครูปรีชาฟ้อง ร.ต.ท.จรูญ ข้อหายักยอก หรือรับของโจร

นั่นหมายถึงศาลได้ไต่สวนเห็นว่า คำฟ้อง “มีมูลเป็นความผิดอาญา สั่งให้นำเข้าสู่กระบวนพิจารณา เพื่อให้โจทก์คือ ครูปรีชา ได้แสดงพยานหลักฐานเพิ่มเติมอย่างละเอียดว่า ร.ต.ท.จรูญ กระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหาอย่างปราศจากข้อสงสัยจริงหรือไม่

รวมทั้งให้โอกาส ร.ต.ท.จรูญนำพยานหลักฐานมาสืบหักล้างว่า ลอตเตอรี่ที่ถูกรางวัลนี้เป็นของตนและได้มาโดยชอบตั้งแต่แรก ไม่ได้เก็บได้ตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด

แต่การประทับฟ้องดังกล่าว มีนัยตรงข้ามกับที่ตำรวจสอบสวนกลางได้รวบรวมพยานหลักฐานและนำไปเสนอศาลอาญาให้ “ออกหมายจับ” ครูปรีชาและเจ๊บ้าบิ่น ข้อหาแจ้งความเท็จและให้การเท็จ ใช้ตำรวจคอมมานโดอาวุธสงครามครบมือบุกจับครูปรีชาต่อหน้านักเรียนในโรงเรียนอย่างเอิกเกริกราวกับเป็นผู้ก่อการร้ายเลยทีเดียว!

นอกจากนั้น ยังได้สรุปสำนวนการสอบสวนเสนอให้อัยการ “สั่งฟ้อง” ผู้ต้องหาทุกคน

คำถามที่ประชาชนสงสัยและงุนงงก็คือ ตำรวจใช้อะไรเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีกับครูปรีชาและพยานข้อหาแจ้งความเท็จและให้การเท็จ เสนอให้อัยการสั่งฟ้อง

ในขณะที่ศาลกลับพิจารณาว่า คำให้การของผู้เสียหายและพยานรับฟังได้ 

ปัญหาเรื่องหวย 30 ล้านนี้ อันที่จริงถือเป็นเรื่องแพ่งที่บุคคลผู้โต้แย้งสิทธิต้องฟ้องและแสดงหลักฐานให้ศาลแพ่งเชื่อและวินิจฉัยว่าตนเป็นเจ้าของที่แท้จริง

ซึ่งหากแม้นครูปรีชาจะเป็นผู้ซื้อ แต่ถ้าแสดงหลักฐานให้ศาลเชื่อไม่ได้ ก็ต้องยกประโยชน์ถือว่า ร.ต.ท.จรูญเป็นเจ้าของในฐานะผู้ครอบครองสังหาริมทรัพย์นั้นตามบทสันนิษฐานของกฎหมาย

ตำรวจไม่ว่าระดับใดไม่มีหน้าที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือวุ่นวายอะไร

ไม่ว่าจะเป็นการสั่งแก้ไขสำนวนการสอบสวนโดยมิชอบให้ “กลมกลืน” เพื่อแจ้งข้อหาต่อ ร.ต.ท.จรูญว่ายักยอก หลังจากเจรจาต่อรองกันไม่สำเร็จ

หรือสอบสวนแบบ “จับแพะชนแกะ” จนผู้เสียหายและพยานกลายเป็นผู้ต้องหา ทำให้ประชาชนพลเมืองดีเห็นแล้วเข็ดขยาดไปตามๆ กัน ทั้งที่ยังไม่มีใครสรุปได้ว่า  ความจริงเป็นเช่นไรแน่

ถึงเวลาแล้ว รัฐต้องปฏิรูประบบงานสอบสวนให้มีมาตรฐานสากลเช่นเดียวกับประเทศที่เจริญทั่วโลก

                ต้องแก้ไขกฎหมายให้ “มีการบันทึกภาพและเสียงการสอบปากคำบุคคล” ประกอบ หรืออาจใช้แทนการถามตอบบันทึกไว้ในกระดาษแบบโบราณเช่นปัจจุบัน 

                การออกหมายเรียกผู้ต้องหาและการเสนอศาลออกหมายจับ ต้องได้รับความเห็นชอบจากพนักงานอัยการตรวจพยานหลักฐานโดยมั่นใจว่า เมื่อแจ้งข้อหาหรือออกหมายจับบุคคลใดแล้ว จะสามารถสั่งฟ้องพิสูจน์การกระทำผิดให้ศาลลงโทษได้ เท่านั้น

พอกันเสียทีเรื่อง ออกหมายเรียกผู้ต้องหาหรือหมายจับแล้วสุดท้าย อัยการสั่งไม่ฟ้อง หรือ ศาลพิพากษายกฟ้อง

                ประชาชนที่ตกเป็นผู้ต้องหารวมทั้งผู้เสียหายได้รับความเดือดร้อนแสนสาหัสกันมากมายจากกระบวนการยุติธรรมทางอาญาที่ล้าหลังของประเทศในปัจจุบัน.                 

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ คอลัมน์: เสียงประชาชนปฏิรูปตำรวจ: Monday, December 24, 2018

 

 

About The Author