พรรคใดไม่ปฏิรูปตำรวจ’อย่าเลือก’!
พรรคใดไม่ปฏิรูปตำรวจ’อย่าเลือก’!
พันตำรวจเอกวิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร
ขณะนี้พรรคการเมืองต่างๆ อยู่ระหว่างการแข่งขันกันหาเสียงอย่างขะมักเขม้น เพื่อให้ผู้ที่จะสมัครรับเลือกตั้งทั้งแบบบัญชีรายชื่อและแบ่งเขตได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้มากที่สุด
จะได้มีอำนาจต่อรองร่วมจัดตั้งรัฐบาล มีโอกาสเข้าไปทำงานในตำแหน่งต่างๆ ผลักดันนโยบายสำคัญของตนตามที่ได้โฆษณาหาเสียงเอาไว้
พรรคการเมืองส่วนใหญ่เน้นเขียนนโยบายกันแต่เรื่องเศรษฐกิจ บอกและสัญญาว่าจะทำให้ชีวิตของประชาชนดีขึ้นอย่างนั้นอย่างนี้
บ้างก็มีนโยบายปฏิรูปการศึกษา โดยบอกว่าเป็นหัวใจที่จะทำให้ประเทศไทยพัฒนาเจริญก้าวหน้าได้อย่างแท้จริง
แต่สิ่งหนึ่งที่พรรคการเมืองส่วนใหญ่ไม่ได้เขียนเป็นนโยบายทั้งเฉพาะหน้าและระยะยาวไว้ให้ชัดคือ
‘การปฏิรูปตำรวจ’ ระบบงานรักษากฎหมาย พันธสัญญาที่รัฐสภาได้ตราไว้ให้ประชาชนและทุกรัฐบาลยึดถือปฏิบัติ ซึ่งในข้อเท็จจริงกำลังตกอยู่ในสภาพ ‘วิบัติ’ อย่างร้ายแรงยิ่ง!
คำว่า ‘ตำรวจ’ นั้น ไม่ได้มีความหมายเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างที่ตำรวจทั่วไปและคนส่วนใหญ่เข้าใจกันแต่อย่างใด
หากเป็น ‘บทบาทหน้าที่’ (Function) ในการตรวจตรารักษากฎหมายของเจ้าพนักงานรัฐทุกกระทรวงทบวงกรม ซึ่งแม้ไม่เรียกว่าตำรวจ แต่ก็ทำหน้าที่เป็น ‘ตำรวจ’ ผู้รักษากฎหมายในระบบราชการพลเรือนมาช้านาน เช่น ข้าราชการฝ่ายปกครอง กรมศุลกากร กรมสรรพสามิต เจ้าหน้าที่เทศกิจ กรมทางหลวง กรมขนส่ง กรมเจ้าท่า กรมป่าไม้ และอีกมากมาย
ในทางตรงข้าม คนเป็น ‘ข้าราชการตำรวจ’ ตามกฎหมายทุกคนหาได้เป็น ‘ตำรวจ’ ตาม ที่ ป.วิ อาญา บัญญัติไว้ว่า ให้หมายถึงผู้มีอำนาจและหน้าที่ทั้งพื้นที่และระยะเวลาในการตรวจตรารักษากฎหมายแต่อย่างใด!
ประชาธิปไตยคือ ‘การปกครองโดยกฎหมาย’ ซึ่งรัฐมีหน้าที่บังคับใช้ ทำให้ประชาชนทุกชนชั้นมีสิทธิและเสรีภาพภายใต้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน
แต่ปัญหาสำคัญของประเทศไทยคือ การมีกฎหมายสารพัดมากมาย แต่รัฐไม่สามารถบังคับใช้ให้เกิดความยุติธรรมกับประชาชนส่วนใหญ่ได้ในความเป็นจริง
กฎหมายหลายฉบับกลับกลายเป็นเครื่องมือหากินของเจ้าพนักงานรัฐ โดยเฉพาะองค์กรที่เรียกกันอย่างหรูหราว่า ‘ตำรวจแห่งชาติ’ ศูนย์รวมอำนาจตำรวจและการผูกขาดอำนาจสอบสวนของประเทศ!
ป.วิ อาญา มาตรา 120 บัญญัติว่า ‘ห้ามมิให้พนักงานอัยการฟ้องคดีใดต่อศาล โดยมิได้มีการสอบสวนในความผิดนั้นก่อน’
แต่กลอนประตูที่จะเปิดให้ประชาชนไปแจ้งความร้องทุกข์หรือกล่าวโทษให้ตำรวจสอบสวนดำเนินคดีอาญากับผู้กระทำผิดนำไปติดคุกติดตะรางตามกฎหมายได้ จะต้องอาศัยตำรวจผู้ที่เรียกกันตาม ป.วิ อาญา ว่า ‘พนักงานสอบสวน’ เป็นคนเปิดให้ทั้งสิ้น!
การสอบสวนจึงเป็นกุญแจดอกสำคัญที่สุดที่จะทำให้การปกครองระบอบประชาธิปไตย หรือ ‘การปกครองโดยกฎหมาย’ เกิดขึ้นได้ในความเป็นจริง
การปฏิรูประบบงานสอบสวนของชาติด้วยการทำลายการผูกขาดอำนาจสอบสวนที่อยู่กับตำรวจเพียงองค์กรเดียวเช่นทุกวันนี้ และกำหนดให้มีการตรวจสอบจากพนักงานอัยการในคดีสำคัญตั้งแต่เกิดเหตุหรือเริ่มคดี จึงมีความสำคัญต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอย่างยิ่ง!
เพราะเมื่องานตำรวจและการสอบสวนมีปัญหา ย่อมส่งผลกระทบต่อกระบวนการยุติธรรมและความมั่นคงของชาติร้ายแรง
แต่พรรคการเมืองที่กำลังแข่งขันกันหาเสียงส่วนใหญ่กลับไม่เห็นปัญหานี้ และไม่ได้มีการเขียนเป็นนโยบายว่าจะปฏิรูปตำรวจและงานสอบสวนอย่างไร ด้วยวิธีใด เมื่อใด?
แสดงว่าพรรคการเมืองนั้นไม่เข้าใจปัญหาสำคัญที่สุดของชาติ!
ซึ่งหากได้มีอำนาจเป็นรัฐบาล เขาก็จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ของชาติได้อย่างแท้จริงแต่อย่างใด
ฉะนั้น พรรคใดที่ไม่เขียน นโยบายปฏิรูปตำรวจ ไว้ให้ชัดว่า ถ้าได้เป็นรัฐบาลแล้วจะปฏิรูปตำรวจในเรื่องอะไรและอย่างไร ภายในระยะเวลาเท่าใด
ประชาชนต้องไม่เลือกผู้สมัครพรรคการเมืองนั้นให้เป็น สส.เข้าไปมีที่นั่งในสภาให้เสียเวลา!
เพราะสะท้อนว่า พรรคการเมืองนั้นไม่เข้าใจปัญหาของประเทศและประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งหากหลงเลือกไปให้มีอำนาจรัฐ เขาก็จะไม่สามารถจัดการและบริหารประเทศไม่ว่าเรื่องใดให้ประสบความสำเร็จตามที่โฆษณาหาเสียงเอาไว้ได้แต่อย่างใด!.

ที่มา: นสพ.ไทยโพสต์ คอลัมน์ เสียงประชาชนปฏิรูปตำรวจ: ฉบับวันที่ 22 ธ.ค. 2568

