‘หลักนิติธรรม’ ต้องเริ่มจากตำรวจรับคำร้องทุกข์!

‘หลักนิติธรรม’ ต้องเริ่มจากตำรวจรับคำร้องทุกข์!
พันตำรวจเอกวิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้ไปพูดที่สถาบันเพื่อการยุติธรรม (TIJ) ว่า ใน 4 เดือนช่วงที่เป็นรัฐบาลนี้ จะต้องปัก ‘หลักนิติธรรม’ ให้เกิดขึ้นในสังคมไทยให้ได้
ก็ไม่ทราบว่านายอนุทินเข้าใจความหมายของคำว่า หลักนิติธรรม อย่างแท้จริงแค่ไหน เพียงใด? หรือใครเขียน ให้อ่าน ให้พูด ก็อ่านก็พูดไป โดยไม่ได้มีความเข้าใจอะไรอย่างแท้จริง!
ความหมายของ ‘หลักนิติธรรม’ ที่ผู้คนทั่วไปเข้าใจง่ายๆ ก็คือ การมีกฎหมายที่เป็นธรรมต่อประชาชนส่วนใหญ่ และรัฐบาลดำเนินการบังคับใช้อย่างมีประสิทธิภาพเสมอภาคเท่าเทียมกันทุกคน
คดี นักโทษแหกคุก ไปนอนเล่นชั้น 14 ที่โรงพยาบาลตำรวจ ทั้งตัวนักโทษเองและเจ้าพนักงานทุกระดับตั้งแต่แพทย์ พยาบาล ผู้บัญชาการเรือนจำ อธิบดี ไปยันรัฐมนตรีที่ รู้เห็นเป็นใจให้มีการแหกคุก จนป่านนี้ก็ยังไม่มีใครถูกแจ้งข้อหาดำเนินคดีอาญาแม้แต่คนเดียว!
โดยเฉพาะบางคนที่ยังรับราชการ รัฐบาลสามารถลงโทษทางวินัย ไล่ออก ปลดออก ได้แสนง่าย แต่ก็ไม่เห็นใครจัดการหรือดำเนินการอย่างจริงจังแต่อย่างใด?
ถ้านายกรัฐมนตรีจริงใจในสิ่งที่พูดไป เรื่องนี้ต้องสั่งการให้ ผบ.ตร. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมคนปัจจุบันรีบดำเนินคดีวินัยร้ายแรงลงโทษ ไล่ออก ปลดออก ให้เห็น ก็จะเป็นเรื่องที่สร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชนในสิ่งที่พูดได้อย่างมาก
ปัจจุบันปัญหาตำรวจไม่รับคำร้องทุกข์จากประชาชนดำเนินการสอบสวนตามกฎหมาย
ส่งให้อัยการตรวจสอบและสั่งคดีตามที่ ป.วิ อาญาบัญญัติไว้ กำลังเป็นภัยร้ายต่อ ‘หลักนิติธรรม’ และ ‘ความยุติธรรม’ ของชาติอย่างร้ายแรงยิ่ง! นายกรัฐมนตรีทราบบ้างหรือไม่ และหากทราบแล้วจะจัดการอย่างไร?
การไปเดินตรวจแถวตำรวจกองเกียรติยศเหมือนทหารก่อนเป็นประธานประชุม ก.ตร. แต่ละครั้ง มีแต่เรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจระดับนายพล คนนั้นจะไปที่นี่ คนนี้รุ่นนั้นจะขึ้นที่นั่น แบ่งปันตำแหน่งกันอย่างมีความสุขสนุกสนาน!
แต่ไม่เคยได้ยินการพูดถึง ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน เรื่องตำรวจตั้งด่านกีดขวางทางหลวงทั่วไทย ขอตรวจค้น ตรวจฉี่ โดยไม่มีเหตุตามกฎหมาย การรีดไถขอติดตู้แดง การไม่รับแจ้งความ ล้มคดี และปัญหาอีกมากมายแต่อย่างใด?
เป็นการประชุมคณะกรรมการตำรวจที่ไม่มีประโยชน์อะไรต่อประชาชนเลย!
ปัญหาตำรวจไม่ใช่เรื่องขาดโน่นนี่ไม่มีงบประมาณตามที่ตำรวจผู้ใหญ่ชอบ ‘ตีหน้าเศร้า เล่าความเท็จ’ ให้นักการเมืองผู้ไร้เดียงสาฟังตลอดมาเป็นเวลานานหลายสิบปี!
แต่เป็น ปัญหาเชิงโครงสร้าง ที่ตำรวจผู้ใหญ่อุตริจัดองค์กรและระบบการปกครองบังคับบัญชาและวินัยแบบทหาร ซึ่งขัดต่อธรรมชาติของการทำงานในฐานะเป็นผู้รักษากฎหมายเป็นเจ้าพนักงานยุติธรรม
ทำให้ระบบตำรวจไทยไม่มีความสุจริตและประสิทธิภาพในการรักษากฎหมายในภาพรวมของประเทศและในความเป็นจริงที่ประชาชนโดยเฉพาะคนยากจนต้องประสบพบพานกันอยู่ทุกวันเมื่อวันที่ 2 ต.ค.68 ที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรได้มีมติเห็นชอบ รายงานการปฏิรูปตำรวจ ที่เสนอโดย กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน ยุทธศาสตร์และการปฏิรูปประเทศที่มี สส. รังสิมันต์ โรม เป็นประธาน ซึ่งถือเป็นการปฏิรูปตำรวจทั้งระบบอย่างแท้จริง
ประเด็นสำคัญคือ ให้ตำรวจอยู่ภายใต้อำนาจของผู้ว่าราชการ กทม. และจังหวัด สามารถแต่งตั้งโยกย้ายและลงโทษทางวินัยได้ โดยผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการตำรวจ กทม.และจังหวัด ซึ่งจะต้องปรับองค์ประกอบให้เหมาะสม เป็นที่เชื่อถือของประชาชน
พร้อมทั้งให้โอนหน่วยตำรวจเฉพาะทางทั้งหมด ไปให้กระทรวงและกรมที่มีหน้าที่ตามกฎหมายไปรับผิดชอบ และแก้ไขเพิ่มเติม ป.วิ อาญา ให้มีอำนาจสอบสวนคู่ขนานไปกับตำรวจท้องที่
รายงานและมติของสภาผู้แทนราษฎรฉบับนี้ ประธานสภาฯ มีหน้าที่ต้องทำหนังสือส่งไปให้นายกรัฐมนตรีดำเนินการโดยเร็ว
ถ้านายอนุทิน ชาญวีรกูล ต้องการปัก ‘หลักนิติธรรม’ ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย ก็สามารถทำได้แสนง่าย โดยสั่งการให้ ผบ.ตร.นำไปดำเนินการ แล้วรายงานความคืบหน้าให้ทราบทุกหนึ่งเดือน.
ที่มา: นสพ.ไทยโพสต์ คอลัมน์ เสียงประชาชนปฏิรูปตำรวจ : ฉบับวันที่ 13 ต.ค. 2568