สภาฯ เห็นชอบ ‘แนวทางปฏิรูปตำรวจ’ ให้ผู้ว่าฯควบคุมได้ พร้อมโอน 13 หน่วยตตำรวจเฉพาะทางให้กระทรวง

สภาฯ เห็นชอบ ‘แนวทางปฏิรูปตำรวจ’ ให้ผู้ว่าฯ ควบคุมได้ มีอำนาจแต่งตั้งโยกย้ายและลงโทษทางวินัยตำรวจทุกระดับ โอนหน่วยตำรวจเฉพาะทาง 13 หน่วย ให้กระทรวงที่มีหน้าที่ตามกฎหมาย สอดคล้องกับระบบตำรวจที่เป็นสากล
เมื่อวันที่ 3 ต.ค.2568 พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร อนุกรรมาธิการใน คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ผู้ร่วมพิจารณาและชี้แจงต่อสภา เรื่อง “การพิจารณาศึกษาการปฏิรูประบบราชการตำรวจ” เปิดเผยว่า นับเป็นสัญญาณดีที่สภาผู้แทนราษฎรได้ให้ความเห็นชอบกับรายงานดังกล่าวโดยไม่มีเสียงคัดค้านใดๆในการประชุมเมื่อวันที่ 2 ต.ค. 2568 ซึ่งถือเป็นการปฏิรูปตำรวจทั้งระบบที่แท้จริง
“หัวใจสำคัญคือ ให้ตำรวจอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของผู้ว่าราชการ กทม.และทุกจังหวัด มีอำนาจแต่งตั้งโยกย้ายและลงโทษทางวินัยตำรวจทุกระดับได้โดยผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการตำรวจ กทม. และจังหวัด ซึ่งจะต้องจัดองค์ประกอบให้เหมาะสมเป็นที่ยอมรับของประชาชนอย่างแท้จริง”
พ.ต.อ.วิรุฒน์ กล่าวว่า นอกจากนั้น ก็ให้โอนตำรวจเฉพาะทาง 13 หน่วย ไปให้กระทรวงทบวงกรมที่มีหน้าที่รับผิดชอบตามกฎหมายเช่นตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจทางหลวง ตำรวจทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตำรวจป้องกันอาชญากรรมทางเศรษกิจ ตำรวจคุ้มครองผู้บริโภค ตำรวจปราบอาชญากรรมเทคโนโลยี ฯลฯ โดยแก้ไขเพิ่มเติม ป.วิ อาญาให้ทุกหน่วยมีอำนาจสอบสวนคู่ขนานไปกับตำรวจท้องที่ โดยมีอัยการคอยตรวจสอบการสอบสวนคดีสำคัญหรือเมื่อมีปัญหา
“การปฎิรูปดังกล่าว จะทำให้ตำรวจแห่งชาติและหน่วยบังคับบัญชาฝ่ายอำนวยการทุกระดับเล็กลงอย่างมาก เพราะตำรวจพื้นที่ขึ้นกับจังหวัด ตัดสายการบังคับบัญชาที่ยืดยาวก่อให้เกิดความสิ้นเปลืองงบประมาณโดยไม่จำเป็นลง เช่น ตำรวจภาค และ บก.น.ต่างๆ ซึ่งล้วนอยู่ห่างไกลปัญหา” พ.ต.อ.วิรุฒน์ กล่าว
พ.ต.อ.วิรุตม์ กล่าวด้วยว่า โครงสร้างใหม่นี้จะทำให้ตำรวจพื้นที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุจริตและมีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างแน่นอน เพราะถูกควบคุมโดยผู้ว่า กทม.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนรวมทั้งคณะกรรมการตำรวจจังหวัดที่ผู้ว่าฯ เป็นประธาน นอกจากนั้นระบบการปกครองตามชั้นยศ วินัยและวัฒนธรรมแบบทหารที่ไม่สอดคล้องกับธรรมชาติการทำงานตำรวจในฐานะเป็นผู้รักษากฎหมายและเจ้าพนักงานยุติธรรมก็จะลดน้อยลงสอดคล้องกับระบบตำรวจที่เป็นสากล