ศาลฎีกามีคำสั่งรับฎีกา คดี ‘ฤทธิรงค์ ชื่นจิตร’ ฟ้องเรียกค่าเสียหายตร.ซ้อมทรมาน ปี52

ศาลแพ่งกรุงเทพใต้มีคำสั่งยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลชั้นฎีกาโดยไม่ต้องไต่สวนโจทก์  หลังจากโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาล พร้อมด้วยคำฟ้องฎีกา และคำร้องขออนุญาตฎีกา ต่อศาลไว้แล้วเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2567และเดิมศาลนัดไต่สวนคำร้องขอยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลดังกล่าวในวันที่ 8 กรกฎาคม 2567 ในคดีที่นายฤทธิรงค์ ชื่นจิตร ผู้เสียหายจากการถูกตำรวจซ้อมทรมานคลุมถุงดำ เมื่อปี 2552 เป็นโจทก์ฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ให้ชดใช้ค่าเสียหายกว่า 20 ล้านบาท

 

เมื่อ วันที่ 28 เม.ย. 2568 เวลา 09.00 น.  ศาลแพ่งกรุงเทพใต้นัดฟังคำพิพากษา/คำสั่งศาลฎีกา หลังจากฤทธิรงค์ ชื่นจิตร (โจทก์) ผู้เสียหายจากการถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจซ้อมทรมานให้รับสารภาพเมื่อปี 2552 ได้ยื่นคำฟ้องฎีกา และคำร้องขออนุญาตฎีกา ต่อมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จำเลย) ได้ยื่นคำร้องคัดค้านฎีกาของโจทก์ ศาลแพ่งกรุงเทพใต้อ่านคำสั่งศาลฎีกาตามวันเวลาที่กล่าวมาข้างต้น

 

ศาลฎีกามีคำสั่งว่า “ฎีกาของโจทก์เป็นปัญหาสำคัญที่ศาลฎีกาควรวินิจฉัย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 จึงมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ฎีกาและรับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณา  ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการให้จำเลยแก้ฎีกา เมื่อจำเลยยื่นคำแก้ฎีกาหรือครบกำหนดแล้วจำเลยไม่ยื่นคำแก้ฎีกา ให้ศาลชั้นต้นรวบรวมสำนวนคืนศาลฎีกาเพื่อดำเนินการต่อไป”

 

ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ได้มีคำสั่งให้จำเลยยื่นคำแก้ฎีกาภายใน 15 วัน นับแต่วันนี้ ซึ่งคดีนี้พนักงานอัยการเป็นทนายความของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จำเลย)

 

สืบเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2552 ฤทธิรงค์ ชื่นจิตร ขณะศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ถูกตำรวจกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรีจับกุมและซ้อมทรมานทำร้ายร่างกาย โดยใช้ถุงดำคลุมศีรษะให้ขาดอากาศหายใจ เพื่อบังคับให้รับสารภาพในคดีวิ่งราวทรัพย์โดยฤทธิรงค์ไม่ใช่ผู้กระทำความผิด ซึ่งต่อมาตำรวจและอัยการได้ดำเนินคดีอื่นที่กระทำผิดวิ่งราวทรัพย์  ฤทธิรงค์ จึงฟ้องดำเนินคดีอาญา ที่ศาลจังหวัดปราจีนบุรี ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้กระทำความผิดในกรณีซ้อมทรมานดังกล่าว

 

คดีดังกล่าวมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าตำรวจยศพันตำรวจโท (ขณะเกิดเหตุยศพันตำรวจตรี) มีความผิดจริง หลังจากนั้นฤทธิรงค์ ชื่นจิตร ได้ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หน่วยงานต้นสังกัดของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ซ้อมทรมานซึ่งทางแพ่งเป็นกระทำละเมิดต่อตน ตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐ พ.ศ. 2539  ต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เป็นคดีหมายเลขดำที่ พ949/2560  หมายเลขแดงที่ พ2003/2562

 

คดีนี้ที่ผ่านมา ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ซึ่งเป็นศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาสั่ง สตช. ชดใช้ค่าเสียหายให้ฤทธิรงค์ จำนวน 3.38 ล้านบาท ฤทธิรงค์ได้ยื่นอุทธรณ์และศาลชั้นอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาของศาลชั้นต้นโดยพิพากษาให้ สตช. ชดใช้ค่าเสียหายเหลือเพียง 3.8 แสนบาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 28 ม.ค. 2552 ถึงวันที่ 10 เม.ย. 2564 และอัตราร้อยละ 5 ต่อปีนับแต่วันที่ 11 เม.ย. 2564

 

ต่อมาฤทธิรงค์ ชื่นจิตร ไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาศาลชั้นอุทธรณ์จึงมีความประสงค์ยื่นฎีกาขอให้ศาลสูงพิจารณาในความเสียหายที่เกิดขึ้นตลอดระยะเวลา 15 – 16  ปี โดยได้ยื่นฎีกาและคำร้องขออนุญาตฎีกา เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2567  และศาลได้มีคำสั่ง ยกเว้นค่าธรรมเนียมศาลให้โดยไม่ต้องไต่สวน เนื่องจากเห็นตามคำร้องของโจทก์ว่ามีเหตุผลอันสมควรที่จะฎีกา และในชั้นอุทธรณ์ โจทก์ได้รับการยกเว้นค่าธรรมเนียมศาล เมื่อสถานะของโจทก์มิได้เปลี่ยนแปลงไป เชื่อว่าโจทก์ไม่มีทรัพย์สินเพียงพอที่จะเสียค่าธรรมเนียมศาลในชั้นฎีกาจริง และโจทก์จะได้รับความเดือดร้อนเกินสมควร ศาลแพ่งกรุงเทพใต้จึงได้ส่งสำนวนคดีไปยังศาลฎีกา เพื่อศาลฎีกาจะได้พิจารณาคำร้องขออนุญาตฎีกา และคำฟ้องฎีกาของโจทก์ต่อไป

 

About The Author