กรมสอบสวนคดีตามสั่ง

‘กรมสอบสวนคดีตามสั่ง’
พันตำรวจเอกวิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร
ต้องยอมรับกันว่า สาเหตุสำคัญที่ประเทศไทยมีปัญหาสารพัดชุลมุนวุ่นวายโดยเฉพาะในเรื่องทางการเมืองไม่จบสิ้น เป็นเพราะมี รัฐธรรมนูญวิปริต ที่ถูกจัดทำขึ้นโดยกลุ่มเผด็จการทหารที่ต้องการสืบทอดอำนาจไปให้นานที่สุด
โดยโหมประชาสัมพันธ์โฆษณากันว่าเป็น รัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง
นำมาให้ประชาชนลงประชามติแบบ มัดมือชก
คือถ้าส่วนใหญ่ไม่เห็นชอบ ประเทศไทยก็อยู่ในระบอบการปกครองแบบเผด็จการ คสช.ต่อไปจนกว่าจะร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่มาให้พิจารณา ซึ่งต้องใช้เวลาอีกนานหลายปี!
ฉะนั้น ตราบใดที่ยังไม่มีการจัดตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร. เพื่อทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้มีเนื้อหาที่เป็นไปตามเจตนารมณ์และความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ในชาติอย่างแท้จริง
ความขัดแย้งและความไม่สงบต่างๆ ทั้งในทางการเมืองและสังคมจะคงยังเกิดขึ้นต่อไปไม่จบสิ้น
ความวุ่นวายเรื่องหนึ่งในเวลานี้ก็คือ การดำเนินคดีกับสมาชิกวุฒิสภาที่มีคนกล่าวหาว่ามาจากการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง
บ้างก็บอกถึงขนาดว่าเป็น “อั้งยี่” “ซ่องโจร” เป็นความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา 209 และ 210
โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษได้จัดทำรายงานตั้งเรื่องให้คณะกรรมการมีมติดำเนินคดีกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน
ซึ่งน่าจะเป็นจำนวนหลายร้อย หรือหากรวมทุกระดับจนถึงจังหวัด “อาจนับพัน” คน!
สมาชิกวุฒิสภาผู้ทรงเกียรติของชาติไทยกลายเป็นว่า ส่วนใหญ่มีที่มาจากแก๊งอั้งยี่และซ่องโจร!
แต่ละคนยกมือผ่านกฎหมายบังคับใช้กับประชาชนไปแล้วกี่ฉบับ?
ยังไม่นับรวมการเลือกคณะกรรมการองค์กรอิสระ โดยแก๊งอั้งยี่เป็นผู้มีบทบาทเลือกสรรให้ไปทำหน้าที่
แม้ตามข้อเท็จจริงและถ้อยคำของกฎหมายจะเป็นเช่นนั้นไม่มีใครปฏิเสธได้
แต่ไม่ว่าพรรคการเมืองสีใด ในความเป็นจริงก็ล้วนได้มีการจัดตั้งและฮั้วกันในการต่อสู้รณรงค์เพื่อให้คนของตนได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาด้วยกันทั้งสิ้น
ปัญหาแท้จริงเกิดจากรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.2560 ได้กำหนดวิธีการได้มาซึ่งวุฒิสมาชิกที่สุดวิปริต!
คือไม่ได้ให้ประชาชนลงคะแนนเลือกคนที่พอใจโดยตรงแบบง่ายๆ เช่นเดิมแต่อย่างใด
จึงเป็นเหตุให้มีการจัดตั้งและนำคนไปลงสมัครเพื่อจะได้เลือกพวกเดียวกันเป็นตัวแทนเข้าแข่งขัน
ในข้อเท็จจริง เป็นเรื่องที่ทำกันทุกพรรคทุกสี ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ ถ้าไม่หน้าด้านพอ
แต่เมื่อมีความขัดแย้งระหว่างพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลเกิดขึ้น และต้องการทำลายอีกฝ่ายหนึ่ง จึงเป็นที่มาของความพยายามในการตั้งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินคดีความผิดฐานเป็นอั้งยี่และซ่องโจร
เพราะทุกคนสมคบกันทำผิดกฎหมายเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา
แต่ไปๆ มาๆ คณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษกลับไม่กล้าดำเนินคดีกรณีทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง
เพราะตามกฎหมายเป็นหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้งที่จะดำเนินการเอง
ส่วนจะทำหรือไม่แค่ไหนนั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งก็ต้องว่ากล่าวหาทางดำเนินคดีกันต่อไป
ปัญหาคือ เหตุใดกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงมีความพยายามในการดำเนินคดีข้อหานี้ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่
เป็นเพราะไม่มีความรู้ทางกฎหมายเพียงพอในการตรวจสอบวินิจฉัยก่อนเสนอให้คณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษพิจารณา
หรือว่าเป็นการทำตามคำสั่งของใคร เพื่อใช้เป็นเงื่อนไขในการต่อรองทางเมืองกันแน่?
แม้ว่าในที่สุดกรมสอบสวนคดีพิเศษจะไม่มีการดำเนินคดีฐานทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง
แต่ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อหน่วยงานนี้แทบไม่มีเหลืออีกต่อไป!
กรมสอบสวนคดีพิเศษได้จัดตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2547 ก็เพื่อให้ทำหน้าที่สอบสวนคดีที่สำคัญต่างๆ ของประเทศตามที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ มาตรา 21 และบัญชีท้าย
เพราะไม่สามารถไว้ใจให้ตำรวจหรือหน่วยงานใดสอบสวนดำเนินคดีเองได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคดีที่มีตำรวจผู้ใหญ่กระทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าการซื้อขายตำแหน่งและทุจริตประพฤติมิชอบ รับส่วยสินบนสารพัด
การกระทำผิดอาญาที่ร้ายแรงเหล่านี้ มีการทำเป็นขบวนการ มีความสลับซับซ้อนที่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษควรสั่งให้มีการสืบสวนหาพยานหลักฐาน เพื่อนำไปสู่การสอบสวนดำเนินคดีเสนอให้คณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษเห็นชอบได้
การสอบสวนความผิดแต่ละคดี ต้องไม่ทำให้มีเงื่อนงำผู้คนสงสัยว่ามีใครสั่งให้ทำหรือไม่เช่นนี้?
ส่วนคดีที่ผู้คนสนใจและอยากให้ทำ ต้องการเห็นการนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษตามกฎหมาย
ประชาชนกลับไม่เห็นความสนใจในการดำเนินคดีตามหน้าที่และอำนาจของกรมสอบสวนคดีพิเศษที่มีอยู่แต่อย่างใด.
ที่มา: นสพ.ไทยโพสต์ คอลัมน์ เสียงประชาชนปฏิรูปตำรวจ : ฉบับวันที่ 10 มี.ค. 2568