‘ตัดไฟฟ้า’ ป้องกันอาชญากรรม ทำ ‘ตำรวจชั่ว’ ลอยนวล!

‘ตัดไฟฟ้า’ ป้องกันอาชญากรรม ทำ ‘ตำรวจชั่ว’ ลอยนวล!
พันตำรวจเอกวิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร
กรณีคณะรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงมหาดไทยซึ่งกำกับดูแลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ยกเลิกการจำหน่ายไฟให้บริษัทคู่สัญญาตามเมืองชายแดนหลายแห่งในประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีชนกลุ่มน้อยทั้งกองกำลังกะเหรี่ยงและมอญครองอำนาจอยู่
เป็นการรีบดำเนินการทันทีหลังจากที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงประเทศจีนได้บินมายืนส่องกล้องดูความเคลื่อนไหวอยู่ริมแม่น้ำเมย อำเภอแม่สอด ได้พักใหญ่!
และสรุปว่า รัฐบาลไทยได้ปล่อยให้มีแก๊งอาชญากรรมใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านในการจับคนชาติต่างๆ ไปบังคับให้ทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์
หลอกชาวจีนรวมทั้งผู้คนหลายประเทศจนเกิดความเดือดร้อนและเสียหายมากมาย!
ทำให้รัฐบาลไทยต้องรีบตัดสินใจประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาเรื่องนี้ทันที
หลังจากที่ ไม่มีใครยอมเป็นผู้รับผิดชอบสั่งการให้กระทรวงมหาดไทยและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคดำเนินการยกเลิกการจำหน่ายไฟ อยู่นานหลายเดือน
หลังการตัดไฟ ทุกคนก็ได้แต่หวังว่า การประกอบอาชญากรรมค้ามนุษย์ ค้าทาสข้ามชาติ นำไปใช้หลอกลวงผู้คนในหลายประเทศโดยเฉพาะคนไทยให้โอนเงินจนเกิดความเสียหายเป็นจำนวนมาก โดยที่ ตำรวจแห่งชาติหมดปัญญาแก้ไขป้องกันหรือจัดการอะไร
อาชญากรรมเหล่านี้คงจะไม่มีให้เห็นต่อไป หรือลดลงอย่างมาก
เพราะแก๊งอาชญากรข้ามชาติจะไม่มีไฟฟ้าหลักใช้ในการประกอบอาชญากรรมเช่นที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันก็มีผู้คนที่เป็นชนกลุ่มน้อยทั้งมอญ กะเหรี่ยง และอีกมากมายที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดทางอาญาไม่ว่าเรื่องใด
พลอยได้รับความเดือดร้อนทั้งทางเศรษฐกิจและการดำรงชีวิตอย่างแสนสาหัสไปด้วยน่าจะ นับรวมหลายแสนคน!
ซึ่งถ้าใครบอกว่านั่นไม่ใช่ปัญหาของคนไทยและประเทศไทยที่จะต้องไปเดือดร้อนหรือสนใจอะไร ก็แล้วไป
แต่ระยะยาว ปัญหาเหล่านี้จะวกกลับมาที่ประเทศไทย โดยเฉพาะในเขตอำเภอชายแดนอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้
ไม่ว่าจะเป็นความตกต่ำทางเศรษฐกิจการค้า การเข้ามาพึ่งพาระบบสาธารณสุขและรักษาพยาบาล การหลบหนีเข้าเมืองเข้ามาเพื่อหางานทำของผู้คนที่จะเพิ่มมากขึ้น
การยกเลิกสัญญาจำหน่ายไฟให้เมืองชายแดนไทยตลอดไป ในข้อเท็จจริงคงเป็นไปไม่ได้
เพราะจะเกิดความตึงเครียดและวุ่นวายขึ้นหลายรูปแบบ ส่งผลกระทบต่อเมืองชายแดนของไทยมากมาย
ซึ่งจะทำให้ในที่สุดรัฐบาลก็ต้องตัดสินใจกลับมาขายไฟให้ชนกลุ่มน้อยเหล่านี้ต่อไป เพื่อให้ประชาชนทั้งสองชนชาติได้อยู่กันอย่างสงบสุขเช่นเดิม
ส่วนใครจะนำไปใช้ประกอบอาชญากรรมเปิดบ่อนพนัน หรือแก๊งคอลฯ อะไรหรือไม่
คงไม่มีใครสามารถรับรองได้
เพราะตราบใดที่องค์กรตำรวจไทยยังเต็มไปด้วยการทุจริตฉ้อฉล ตำรวจชั้นนายพลแทบทุกระดับนั่ง “รับส่วยสินบน” จากผู้กระทำผิดกฎหมายกันมากมายเช่นที่เป็นอยู่ปัจจุบัน
ปัญหาอาชญากรรมและความไม่สงบเรียบร้อยในสังคมไทยไม่ว่าเรื่องใด รัฐจะไม่มีทางป้องกันและแก้ไขได้อย่างแท้จริงเลย!
อย่างไรก็ตาม หากมีการขายไฟให้ประเทศเพื่อนบ้านครั้งใหม่ รัฐสามารถกำหนดเงื่อนไขให้บริษัทคู่สัญญาสร้างหลักประกันว่า ไฟฟ้าที่ขายไปจะไม่ถูกใครนำไปใช้ในการ ประกอบอาชญากรรมอย่างเป็นขบวนการ เช่นที่ผ่านมา
โดยอาจกำหนดให้หน่วยงานรัฐไทยสามารถเข้าถึงข้อมูลการจำหน่ายไฟของบริษัทคู่สัญญาตามความจำเป็นที่ตกลงกันไว้ได้
ประเทศไทยก็จะมีรายได้ทั้งจากการจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้ประเทศเพื่อนบ้านเช่นเดิม ปีละกว่าหกร้อยล้านบาทรวมทั้งพลเมืองของทั้งสองชาติ ไม่ว่าจะเมียนมา รวมทั้งมอญ กะเหรี่ยงและอีกมากมาย ก็จะไปมาหาสู่กลับมาอยู่ร่วมกันด้วยความสงบสุขเช่นเดิม.
ที่มา : นสพ.ไทยโพสต์ คอลัมน์ เสียงประชาชนปฏิรูปตำรวจ : ฉบับวันที่ 10 ก.พ. 2568