การทำผิดกฎหมายจะเกิดขึ้นและดำรงอยู่ไม่ได้ ถ้า ‘ผู้บัญชาการตำรวจ’ ไม่ ‘รับส่วย’

ยุติธรรมวิวัฒน์

                         การทำผิดกฎหมายจะเกิดขึ้นและดำรงอยู่ไม่ได้ ถ้า ‘ผู้บัญชาการตำรวจ’ ไม่ ‘รับส่วย’

                                                                     พันตำรวจเอกวิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร

เหตุการณ์ฆาตกรรมหมู่ปริศนาด้วยการวางยาพิษชาวเวียดนาม 6 รายที่พบในโรงแรมชื่อดังกลางกรุงนั้น ขณะนี้ เหตุที่ตาย ตามกฎหมาย พิสูจน์ได้แน่ชัดแล้วว่าเกิดจากภาวะหัวใจหยุดเต้นซึ่งเป็นผลฉับพลันมาจากสารพิษร้ายที่เรียกว่า ไซยาไนด์ ปรากฏหลักฐานอยู่ในถ้วยและกาน้ำชา

ปัญหาสำคัญที่ต้องคลี่คลายต่อไปก็คือ พฤติการณ์ที่ตาย

เกิดจากการดื่มด้วยความสมัครใจหรือการกระทำของใคร เป็นนางเชอรีนตามที่สันนิษฐานกันจริงหรือไม่ เธอทำคนเดียวหรือร่วมวางแผนกับใครที่ยังอยู่หรือตายไปพร้อมกัน ด้วยวิธีการใดและอย่างไร?

ซึ่งข้อเท็จจริงนี้ผู้มีหน้าที่คลี่คลายก็คือตำรวจผู้เป็นพนักงานสอบสวนรับผิดชอบในการทำ สำนวนชันสูตรพลิกศพ ต้องรวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิดอย่างครบถ้วน ทั้งวัตถุพยาน หลักฐานทางวิทยาศาสตร์จากการตรวจวิเคราะห์และผ่าชันสูตรศพนำไปแยกธาตุหาปริมาณสารพิษในร่างกายของแต่ละคน

อีกทั้งคำให้การของบุคคลที่เป็นพยานแวดล้อมก่อนและหลังเกิดเหตุทั้งในและนอกประเทศ

เมื่อรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดแล้ว ก็ต้องสรุปอธิบายให้ได้ว่า ใครเป็นผู้ใส่ยาพิษลงไป ด้วยเหตุจูงใจอะไร ใช้วิธีการหลอกล่อให้ดื่มกันอย่างไร มีพยานหลักฐานใดยืนยันที่เชื่อถือได้?

เป็นการ ฆ่าล้างหนี้ 10 ล้าน จริงหรือไม่?

เพราะแท้จริง การฆ่าคนตายล้างหนี้ไม่ได้ และยิ่งทำให้เกิดหนี้ตามกฎหมายเพิ่มอีกด้วยซ้ำ!

และที่สำคัญที่สุดคือ สารไซยาไนด์ ผู้กระทำผิดได้มาจากไหน นอกหรือในประเทศไทย ด้วยช่องทางใด รัฐบาลต้องอธิบายให้กระจ่าง?

ระหว่างนี้ได้มีคดีสำคัญเกิดขึ้น คือ การจับกุม สารวัตรตำรวจคนหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ตามหมายจับของศาล ที่ออกให้ในข้อกล่าวหาที่เรียกกันแบบชาวบ้านว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์!

ผู้คนส่วนใหญ่รู้สึกเศร้าใจที่ได้ทราบว่า ปัญหาแก๊งคนร้ายที่ใช้สารพัดวิธีหลอกล่อดูดเงินออกจากบัญชีธนาคารของประชาชน ซึ่งทำให้ผู้คนตกอยู่ในความหวาดผวามานาน โดยที่รัฐบาลยังไม่สามารถจัดการให้หมดสิ้นไปได้ ส่งผลเสียหายทำให้ประชาชนทุกเพศวัยต้องสูญเงินไปปีละหลายหมื่นล้านในปัจจุบันนั้น

ก็ได้ปรากฏความจริงว่า หัวหน้าแก๊งหนึ่งเป็น ตำรวจระดับสารวัตร ในจังหวัดเชียงใหม่นั้นเอง

ปัญหาตำรวจผู้รักษากฎหมายประเทศไทย กลายเป็น อาชญากรร้าย นั้น แท้จริงมีเกิดขึ้นมากมายหลายรูปแบบ แตกต่างกันไปตามชั้นยศและตำแหน่งของแต่ละคน

ถ้าเป็นตำรวจผู้ใหญ่ชั้นนายพล ก็จะมีเจ้ามือหวย นายบ่อน เจ้าของสถานบันเทิง พ่อค้าและผู้ใต้บังคับบัญชาคอย “ส่งส่วย” ทั้งรายเดือนและตามวาระโอกาส พูดให้ฟังดูดีว่าเป็นการช่วยค่าใช้จ่าย และความมีน้ำใจ?

ตำรวจพวกนี้ไม่ต้องกระทำผิดด้วยตัวเองในเรื่องละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ให้มีพยานหลักฐานอะไรให้ ป.ป.ช. ปปง. หรือใครสืบสาวเอาผิดทางอาญาหรือยึดทรัพย์ได้

เว้นแต่บางรายที่ละโมภ อยากได้ให้มากที่สุด ก็ลงไปจัดการเองเลย เช่นคดี “เป้รักผู้การ 140 ล้าน” ซึ่งจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการสั่งให้ตำรวจผู้ร่วมกระทำผิด 21 นายออกจากราชการไว้ก่อนแต่อย่างใด?

ส่วนตำรวจผู้น้อยหรือทุกระดับที่ต่ำกว่าหัวหน้าสถานี ส่วนใหญ่ไม่มีผู้กระทำผิดกฎหมายส่งส่วยเป็นรายเดือนให้

เจ้านายแบ่งปันมาเท่าไหร่ ก็มีสิทธิแค่รับไว้ตามนั้น

ถ้าใครทำตัวมีปัญหา คิดว่าควรได้เท่านั้นเท่านี้ ในที่สุดจะถูกย้ายให้พ้นหน้าที่หรือสถานีที่มีส่วนแบ่งหรือโอกาสในการหากินเอง เช่น การ ตั้งด่านตรวจใบขับขี่ ตรวจฉี่ หรือตรวจเมานั้ นอีกด้วย

ส่วนคนที่มีความคิดและจิตแบบอาชญากรอยากร่ำรวยเหมือนตำรวจชั้นนายพล ก็อาจสนธิกำลังทั้งเพื่อนตำรวจด้วยกันและตำรวจอาสาไปก่อคดีอาญา จับคนต่างชาติโดยเฉพาะชาวจีนเรียกค่าไถ่ ก็มี

องค์กรตำรวจปัจจุบันนั้น ไม่ต่างจากคนป่วยด้วยโรคร้ายที่รักษาด้วยยาสามัญแม้กระทั่งยาแผนปัจจุบันไม่หาย

ต้องใช้วิธี ผ่าตัดใหญ่ เพื่อกำจัดเนื้อร้ายออกให้เร็วที่สุดเท่านั้น

แต่ปัญหาสำคัญคือ นายกรัฐมนตรีและพรรคการเมืองที่มีอำนาจรัฐ ไม่ว่ายุคสมัยใด ไม่เข้าใจและตระหนักว่าองค์กรตำรวจมีปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคมและประชาชนอย่างร้ายแรงเพียงใด?

ปัจจุบันบ่อนการพนันและสถานบันเทิงผิดกฎหมายแหล่งเพาะอาชญากรรมร้ายและขายยาเสพติด กลายเป็นหน้าที่ของอธิบดีกรมการปกครองและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในการออกตรวจจับกุมแทนผู้บังคับการและผู้บัญชาการตำรวจสารพัดหน่วยที่สร้างสำนักงานกันใหญ่โตโอ่อ่า

แต่ว่าไม่ได้ทำหน้าที่ตามกฎหมายในการป้องกันอาชญากรรมกันอย่างแท้จริงเลย ซ้ำหลายหน่วยกลายเป็นแหล่งซ่องสุมของคนร้าย ไม่ว่าเจ้าของสถานบันเทิงผิดกฎหมายหรือนายบ่อนเดินเข้า-ออกห้องนั้นห้องนี้กันขวักไขว่!

ประชาชนผู้เสียหายไปแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจระดับใดหรือหน่วยใดโดยเฉพาะ ผู้บังคับการและผู้บัญชาการ ไม่ได้ แต่ละคนต้องดิ้นรนไปหา กัน จอมพลัง สายไหมต้องรอด และสารพัดทนาย ให้ช่วยพาไปออกรายการทีวี!

พนักงานสอบสวนจึงจะกระวีกระวาดดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานการกระทำผิดให้เป็นรายๆ ไป!

นายเศรษฐา นายกรัฐมนตรี เห็นปรากฏการณ์นี้แล้ว ไม่รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องวิปริตและผิดปกติของสังคมที่ดีมีหลักนิติธรรมที่ตนเองพร่ำพูดต่อประชาชนอยู่เสมอ รวมทั้งมีความคิดอ่านในการจัดการปัญหาตำรวจอย่างจริงจังบ้างหรือ?.

ที่มา: นสพ.ไทยโพสต์ คอลัมน์ เสียงประชาชนปฏิรูปตำรวจ :  ฉบับวันที่ 22 ก.ค. 2567

About The Author