สภาฯโหวตรับหลักการ ร่างพรบ.ป้องกันอุ้มหาย ดึงภาคประชาชนนั่งกมธ.

ที่รัฐสภา วันที่ 16 ก.ย. 64 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาฯคนที่สอง เป็นประธานการประชุม มีวาระลงมติให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. … ซึ่งคณะรัฐมนตรี เป็นผู้เสนอ ในวาระที่หนึ่ง โดยที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์รับหลักกร่างกฎหมายดังกล่าว ด้วยคะแนน 368 ต่อ 0 งดออกเสียง 1 ไม่ลงคะแนน 1 เสียง

ทั้งนี้ ได้ตั้งคณะกมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. … จำนวน 25 คน โดยมีรายชื่อกมธ.ที่น่าสนใจ อาทิ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือบก.ลายจุด สัดส่วนพรรคเพื่อไทย นายสมชาย หอมลออ ประธานมูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา ในสัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ นางอังคณา นิลไพจิตร อดีตคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สัดส่วนพรรคเสรีรวมไทย เป็นต้น และกำหนดแปรญัตติเป็นเวลา 7 วัน

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับร่างที่สภาฯ “รับหลักการ”วาระแรกประกอบด้วย 1.ร่างของคณะรัฐมนตรี 2.ร่างของนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) 3.ร่างของนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ (ปช.) และ4.ร่างของนายสุทัศน์ เงินหมื่น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เมื่อช่วงค่ำวันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมาโดยที่ประชุมได้ข้อสรุปจะใช้ร่างของรัฐบาลพิจารณาในวาระ2ต่อไป

สำหรับเนื้อหาสำคัญ คือ มุ่งเอาผิดกับเจ้าหน้าที่รัฐ ที่กระทำความผิดฐานทรมาน ในฐานกระทำให้บุคคลสูญหาย โดยกำหนดการกระทำที่เข้าข่ายความผิดไว้ ว่า เป็นการกระทำให้ผู้อื่นเกิดความเจ็บปวดหรือทุกข์ทรมานอย่างร้ายแรงแก่ร่างกายหรือจิตใจ และต้องมีวัตถุประสงค์อย่างอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ เพื่อให้ได้ข้อมูล หรือ คำรับสารภาพจากบุคคลที่ถูกทรมาน และมีการกำหนดอัตราโทษ

สำหรับความผิดฐานกระทำการทรมานและฐานกระทำให้บุคคลสูญหายไว้เท่ากัน คือ
– ผู้ทำผิดฐานกระทำการทรมาน หรือ ความผิดฐานทำให้บุคคลสูญหาย มีโทษจำคุกตั้งแต่ 5-15 ปี และปรับตั้งแต่ 1-3 แสนบาท
– หากผู้ถูกกระทำได้รับอันตรายสาหัส จะต้องรับโทษหนักขึ้นจำคุกตั้งแต่ 10-25 ปี และปรับตั้งแต่ 2-5 แสนบาท
– หากกระทำความผิดเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายต้องวางโทษจำคุกตั้งแต่ 15 -30 ปีหรือ จำคุกตลอดชีวิตและปรับตั้งแต่ 3 แสนบาท-1ล้านบาท
-และหากผู้ถูกกระทำเป็นบุคคลที่อายุไม่เกิน 18 ปี หญิงมีครรภ์ ผู้พิการทางร่างกายหรือจิตใจ หรือผู้ที่ไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้ โทษก็จะหนักขึ้น

ด้านนายรังสิมันต์ โรม นายมานพ คีรีภูวดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ร่วมกันแถลงภายหลังสภาผ่านร่างพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ…. โดยนายรังสิมันต์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สภาผ่านร่างกฎหมายนี้ในวาระที่ 1 หลังจาก พรรคการเมืองหลายพรรค และภาคประชาชนร่วมกันผลักดันมาโดยตลอด ถือว่าเราประสบความสำเร็จในขั้นต้น แม้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากว่าจะมาถึงจุดนี้ ผ่านอะไรมามาก และผ่านเหตุการณ์ที่ไม่น่าจดจำ แต่ก็ยากจะลืมเลือน เช่น กรณีอุ้มหายนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และการซ้อมทรมานผู้ต้องหาของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผกก.โจ้ อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์

“เชื่อว่าร่างกฎหมายฉบับนี้ จะผ่านวาระ 3 ได้ในปีนี้ ในต้นปีหน้าส.ว.จะผ่านร่างกฎหมายนี้เพื่อประกาศใช้อย่างรวดเร็ว คาดหวังว่า เมื่อกฎหมายฉบับนี้ผ่านแล้ว อยากให้มีการเปิดพื้นที่และเปิดการสอบสวนในหลายๆคดี เพื่อสร้างความมั่นใจต่อการบังคับใช้กฎหมาย และเพื่อให้ประชาชนรู้สึกปลอดภัย เท่าที่ดูรายชื่อกรรมาธิการที่มาจากหลายๆ พรรคการเมือง เห็นแล้วมีความหวังว่า จะสามารถทำให้ร่างกฎหมายนี้มีคุณภาพและบังคับใช้ได้จริง” นายรังสิมันต์โรม กล่าว

 

About The Author