Call out ดาราและประชาชนจะ’ด่า’หรือ’วิจารณ์’ข้าราชการอย่างไรจึงไม่ตกเป็น’เหยื่อตำรวจ’
Call out
ดาราและประชาชนจะ “ด่า” หรือ “วิจารณ์” ข้าราชการอย่างไรจึงไม่ตกเป็น”เหยื่อตำรวจ”
พันตำรวจเอกวิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร
สถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ประเทศไทยในความเป็นจริงขณะนี้ที่ถือว่าอยู่ในขั้น “สุดวิกฤต”!
เนื่องจากเชื้อร้ายสายพันธ์ใหม่ได้กระจายไปแทบทุกจังหวัดโดยที่รัฐบาลไม่สามารถควบคุมได้
ไม่ว่าจะใช้หรือยกระดับมาตรการทางกฎหมายให้เข้มข้นอีกเพียงใด
ในขณะนี้ ก็น่าจะถือว่า “ช้า” และ “สายเกินไป”!
ในแต่ละวัน ไม่มีใครรู้หรือยืนยันได้ว่า มีประชาชนในแต่ละพื้นที่รับเชื้อเพิ่มขึ้นกี่หมื่นคนกันแน่?
จากตัวเลขราชการคือ ๑๕,๓๓๕ คน สำหรับเมื่อวาน
ส่วนคนตาย อาจใกล้เคียงกับความเป็นจริงคือวันละกว่าหนึ่งร้อยคน
ซึ่งทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อและคนตายมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในไม่ช้า
เนื่องจากไม่ได้รับการตรวจและคัดแยก ควบคู่ไปกับการรักษาที่ดีไปพร้อมกัน
เพราะทุกโรงพยาบาลไม่มีเตียงเพียงพอต่อการดูแลตามมาตรฐานการแพทย์อย่างที่เคยปฏิบัติมา
นอกจากนั้นในอนาคตอันไกล้ ยาสมัยใหม่คือฟาวิพิราเวียร์ที่ใช้เป็นหลักในการรักษาก็จะมีปัญหา
รัฐบาลอาจไม่สามารถจัดซื้อหรือหามาเพิ่มให้เพียงพอต่อการช่วยชีวิตผู้ติดเชื้อที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วได้
เมื่อถึงเวลานั้น ความตายของผู้ป่วยในทุกๆ โรคก็จะเพิ่มขึ้นอย่างน่าสพรึงกลัว!
วัคซีนซิโนแวคจากประเทศจีนที่รัฐจัดหามาให้ประชาชนฉีดฟรี ก็มีปัญหา
เนื่องจากเป็นที่รู้กันดีว่า ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อและหยุดยั้งความป่วยไข้ แม้กระทั่งความตายของประชาชนจากไวรัสสายพันธุ์เดลต้าได้
ในขณะที่วัคซีนทางเลือก ไม่ว่าจะเป็นไฟเซอร์ โมเดินน่า หรือแม้แต่ Astrazeneca ที่ผลิตในไทยซึ่งประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าสามารถหยุดยั้งโรคได้ดีกว่า
รัฐก็กลับไม่สามารถจัดหามาฉีดให้ประชาชนเพื่อป้องกันความเจ็บป่วยถึงตายให้ทันเวลาได้
ความไม่พอใจต่อการทำงานของรัฐบาลในหมู่ประชาชนกำลังเพิ่มความร้อนแรงยิ่งขึ้น
สิ่งหนึ่งที่เป็นอาวุธของทุกคนยุคปัจจุบันก็คือ การพูดและโพสต์ข้อความต่างๆ ลงในสื่อออนไลน์ ทั้งการ “ด่า” หรือ “วิพากษ์วิจารณ์” การทำงานของรัฐบาลและข้าราชการผู้รับผิดชอบ
ซึ่งมีทั้งการแสดงออกอย่างสุภาพ หรือแม้กระทั่งหยาบคาย
ส่งผลทำให้หลายคนกลายเป็น “เหยื่อการสอบสวน” ของตำรวจไทย!”
ถูกออกหมายเรียกเป็นผู้ต้องหากันง่ายๆ ในกรณีที่มีคนแจ้งหรืออ้างว่าได้รับมอบอำนาจจากนายกรัฐมนตรีหรือคนนั้นคนนี้ให้ไปร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ที่พูดหรือโพสต์ข้อความหมิ่นประมาท
อันที่จริง การ “ด่าว่าหรือวิจารณ์รัฐบาล” ไม่ว่าจะใช้คำหยาบคายอย่างไร ก็ไม่ได้ผิดกฎหมายอาญามาตราใด
เนื่องจาก “รัฐบาล” ไม่ใช่บุคคลหรือนิติบุคคล ที่จะถือว่าเป็นผู้เสียหายจากการถูกด่าหรือวิจารณ์เช่นนั้นกันแต่อย่างใด
โดยได้มีคำพิพากษาฏีกาที่ ๗๒๔/๒๔๙๐ วินิจฉัยเป็นหลักไว้
ในเรื่องหมิ่นประมาทนี้มี มาตรา ๓๒๖ ของประมวลกฎหมายอาญา บัญญัติว่า
“ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
มาตรา ๓๒๘ ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาทได้กระทำโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฏไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษร กระทำโดยการกระจายเสียง หรือการกระจายภาพ หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี และไม่ไม่เกินสองแสนบาท
มาตรา ๓๒๙ ผู้ใดแสดงความคิดเห็นหรือข้อความใดโดยสุจริต
(๑) เพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามครรลองคลองธรรม
(๒) ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติการตามหน้าที่
(๓) ติชม ด้วยความเป็นธรรม ซึ่งุบคคลหรือสิ่งใดอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำ
ผู้นั้นไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท
ฉะนั้น ถ้าใครวิจารณ์การทำงานของ “รัฐบาล” ไม่ว่าชุดใดว่า โง่เง่าเต่าตุ่น หรือจะใช้คำพูดให้แรงหรือหยาบคายเพียงใดกว่านี้ ก็ไม่มีสามารถอ้างว่าเป็นผู้เสียหายที่จะไปแจ้งความกับตำรวจหรือฟ้องคดีต่อศาลได้
แต่หากใครเห็นว่า ด่ารัฐบาลแล้วไม่สะใจ ต้องการให้โดนพลเอก ประยุทธุ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี หรือข้าราชการผู้มีหน้าที่รับผิดชอบคนใด ซึ่งเป็น “บุคคล” ตามกฎหมาย ก็สามารถทำได้
แต่ต้องไม่ใช้ข้อความที่มีลักษณะเป็น “การใส่ความ” ซึ่งความหมายตามพจนานุกรม คือ “ใส่ร้าย, เอาความเท็จป้ายสีให้ผู้อื่นเสียหาย”
ฉะนั้น หากดาราหรือประชาชนคนใด Call out หรือ “ตะโกน” หรือ ”โพสต์ความจริง” เรื่องใด แม้จะทำให้นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ข้าราชการหรือบุคคลใดได้รับความเสียหายย่อยยับเพียงใด!
ถ้าทำไปด้วยความสุจริต ก็ไม่ถือว่าเป็นความผิดตามกฎหมายอาญามาตรา ๓๒๖ หรือ ๓๒๘ รวมทั้ง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มตรา ๑๔ ที่มีโทษจำคุกถึงห้าปี
ตามที่หลายคน “นิยมแจ้งความกล่าวหา” กันมั่วๆ แต่อย่างใด!