ร่างพรบ.ตำรวจฯล่มกลางสภา พิจารณาต่อครั้งหน้า

 

ที่รัฐสภา เวลา 18.00 น. วันที่ 9 ก.พ.2564 ที่ประชุมร่วมรัฐสภา ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ… ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ โดยหลักการเพื่อปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 เพื่อให้การแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตำรวจ และการพิจารณาบำเหน็จความชอบ มีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี นำเสนอหลักการ

 

สำหรับการพิจารณาของสมาชิกรัฐสภานั้น ได้ตั้งข้อสังเกตต่อประเด็นข้อกำหนดโดยเฉพาะการแต่งตั้งโยกย้าย ที่เนื้อหาเปิดโอกาสให้มีการคัดเลือก ซึ่งอาจเปิดช่องให้ญาติ และครอบครัวของตำรวจระดับสูงถูกแต่งตั้งเข้ารับตำแหน่ง โดยไม่ผ่านการสอบคัดเลือก อีกทั้งการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจที่ยึดหลักอาวุโสแต่กลับพบข้อยกเว้น อาจทำให้กระบวนการแต่งตั้งโดยคำนึงถึงระบบอาวุโสถูกยกเว้นได้ในที่สุด

 

ทั้งนี้ในการอภิปรายได้เสนอแนะให้ กรรมาธิการที่รัฐสภาตั้งขึ้น เปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างกว้างขวางด้วย อย่างไรก็ดีการอภิปรายดำเนินมาถึงเวลา 21.00 น. มีการประท้วงจากส.ส.พรรคฝ่ายค้าน โดยนายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เสนอให้นับองค์ประชุม หลังจากที่มีการเสนอให้เลื่อนการอภิปรายไปสัปดาห์หน้า เนื่องจากส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ไม่อยู่ในห้องประชุม

 

ทำให้นายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ฐานะประธานที่ประชุม พยายามร้องขอให้รอการวินิจฉัยจากนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ที่อีก 30 นาทีจะทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม แต่ผู้เสนอให้นับองค์ประชุมขอให้นายพรเพชรตัดสินใจ ในฐานะประธานการประชุม

 

ทั้งนี้มีความพยายามช่วยเหลือจากส.ส.พรรคพลังประชารัฐ โดยนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ฐานะประธานวิปรัฐบาล ขอให้การอภิปรายดำเนินต่อไป เพราะมีผู้รอลำดับอภิปรายอีก 10 คน แต่ไม่เป็นผลซึ่งนายณัฐวุฒิยืนยันให้นับองค์ประชุม แม้ว่าจะมีลำดับการอภิปรายก็ตาม โดยให้เหตุผลว่าต้องการอภิปราย แต่ไม่มีใครนั่งฟัง ทั้งนี้พรรคฝ่ายค้านทำหน้าที่เต็มที่แต่เมื่อหันไปฝั่งของส.ส.รัฐบาลพบแต่ความว่างเปล่า

 

เมื่อการเจรจาในที่ประชุมไม่เป็นผล ทำให้นายพรเพชร กล่าวกับที่ประชุม โดยขอปิดประชุม และเลื่อนวาระพิจารณาไปในครั้งต่อไป ทำให้การอภิปรายที่ใช้เวลามา 3ชั่วโมง 30 นาที ต้องยุติลงเมื่อเวลา 21.49 น.  โดยยังไม่มีการลงมติเพื่อตัดสินใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งถือเป็นร่างกฎหมายปฏิรูปฉบับแรกที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว

 

About The Author