นายกฯมอบของขวัญปีใหม่ จากใจตำรวจไทย แด่ประชาชน 6 โครงการ

 

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) วันที่ 25 ธ.ค.2563  พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิด “โครงการของขวัญปีใหม่ พ.ศ. 2564 จากใจ ตำรวจไทย แด่ประชาชน” จำนวน 6 โครงการ ที่จะมอบเป็นของขวัญแก่พี่น้องประชาชน และข้าราชการตำรวจ เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พ.ศ. 2564 ดังนี้

 

1.ด้านป้องกันอาชญากรรม ได้แก่ โครงการฝากบ้าน 4.0 ซึ่งพัฒนามาจากโครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจ ซึ่งถือว่าเป็นโครงการที่เป็นที่ยอมรับจากประชาชน โดยการนำเอาเทคโนโลยีที่เรียกว่าระบบคลาวด์กลางภาครัฐ ในการเก็บข้อมูล ประมวลผล และนำไปใช้ในการปฏิบัติงาน ผ่านทางแอปพลิเคชัน OBS  ที่มีการใช้ระบบ QR Code ในระบบการตรวจ การควบคุมการปฏิบัติของผู้บังคับบัญชา และมีการส่งผลให้ประชาชนเจ้าของบ้านโดยทันที เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาดูแลบ้านที่ฝากไว้ในโครงการ

 

2.ด้านอำนวยความยุติธรรม ได้แก่ โครงการนัดหมายแจ้งความออนไลน์ เป็นการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในการนัดหมายแจ้งความล่วงหน้าบางคดี ผ่านทางเว็บไซต์  เพื่อให้ประชาชนที่ต้องการมาพบพนักงานสอบสวน เพื่อมาแจ้งความร้องทุกข์ หรือสอบปากคำ จะได้ไม่เสียเวลาในการรอเข้าพบ ซึ่งมีหน่วยงานนำร่อง (Pilot Project) ได้แก่ สน.ลุมพินี, สน.ปทุมวัน และ สน.บางรัก 3.ด้านสร้างองค์ความรู้ ได้แก่ ภูมิคุ้มกันภัยอาชญากรรมไซเบอร์ ซึ่งเป็นการผลิตสื่อประชาสัมพันธ์ รูปแบบต่างๆ เช่น Viral Video และ Infographic เป็นต้น เพื่อสร้างการรับรู้ ถึงกลโกงของกลุ่มมิจฉาชีพที่หวังฉวยโอกาสโดยอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศมาเป็นเครื่องมือ เพื่อก่อเหตุกับประชาชน ซึ่งจะมีการเผยแพร่ความรู้ผ่านช่องทาง QR Code อีกทั้งการประชาสัมพันธ์ช่องทางสายด่วนรับแจ้งเหตุของศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

 

4.ด้านสืบสวนจับกุมคนร้าย ได้แก่ โครงการ CCTV ระวังภัยในเมือง เป็นการติดตั้งกล้องวงจรปิด CCTV จำนวน 9,138 ตัว ในพื้นที่เสี่ยง ในเขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งกล้องดังกล่าวจะถูกควบคุม โดยเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานจริง ทั้งฝ่ายป้องกันปราบปราม ฝ่ายสืบสวน เมื่อเกิดเหตุสามารถวิเคราะห์เชื่อมโยงพฤติกรรมคนร้ายในที่เกิดเหตุได้ในเวลาอันรวดเร็ว เป็นโครงการที่ใช้งบลงทุนในราคาที่จับต้องได้ แต่ส่งผลในเรื่องของการป้องกัน และการติดตามตัวคนร้าย หรือการนำไปใช้ในหน้างานต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง ซึ่งเมื่อโครงการดังกล่าวประสบความสำเร็จ ก็จะมีการขยายโครงการเพื่อนำไปใช้ในเขตพื้นที่อื่นๆ ต่อไป 5.ด้านอุ่นใจการเดินทาง ได้แก่ โครงการเทศกาลเดินทางปลอดภัย ในการอำนวยความสะดวกด้านการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ เป็นต้น รวมถึงการชำระค่าปรับจราจรออนไลน์ และการตั้งจุดตรวจตามแนวทางโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเกิดประสิทธิภาพในการป้องกันภัยบนท้องถนน

 

6.ด้านสวัสดิการกำลังพล ได้แก่ โครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการตำรวจ ซึ่งจะมีการลงนามความร่วมมือกับสถาบันการเงิน ในการลดดอกเบี้ย รวมหนี้สิน แล้วโอนหนี้ไปสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนของข้าราชการตำรวจ

 

พล.อ ประยุทธ์  กล่าวอีกว่า ถือเป็นโอกาสดีในวันขึ้นปีใหม่สำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยงานด้านความมั่นคงในการดูแลประชาชน แน่นอนว่าความพึงพอใจของประชาชนมีความแตกต่างกันออกไปจากทุกกลุ่มทุกฝ่ายสิ่งสำคัญที่สุดคือความจำเป็นที่ต้องรักษากฎหมาย ต้องรักษากฎหมายเอาไว้อย่างชัดเจน ต้องทำต้องใช้กฎหมายให้โปร่งใส สุจริต และเป็นธรรม ผ่านเทคโนโลยี และขอประชาชนอย่าทำอะไรที่ตามใจในตัวเองมากเกินไป เพราะหลายอย่างมีกฎหมายอยู่ สังคมต้องมีกฎหมาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีวิจารณญาณ หากผิดกฎหมายจริงๆ ไม่สามารถละเว้นได้

 

“นายกฯ เป็นผู้ปฏิบัติกฎหมายทั้งหมดการทำงานมีขั้นมีตอนตามหลักกฎหมาย สิ่งสำคัญที่สุดคือสิ่งที่คาดหวังว่าจะทำอย่างไรประชาชนจะปลอดภัยได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียม จึงต้องร่วมมือกัน หากร่วมมือกันตามระเบียบกติกาทั้งหมดก็ไม่มีปัญหา ถ้าไม่อยากถูกตรวจแอลกอฮอล์ก็อย่ากินเหล้าให้มันเกิน ขณะที่ตำรวจที่ทำหน้าที่ก็ต้องแสดงให้เห็นถึงความเที่ยงตรงของเครื่องมือเครื่องหมายต่างๆ ด้วย”

 

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการขอพรในช่วงวันเทศกาลคริสต์มาสด้วย ว่า ขอให้มีความสุขฉลองคริสต์มาสตามสมควร การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็อันตรายต่อตนเองและคนขับรถ พระเจ้าก็ช่วยไม่ได้ ส่วนพรนั้นตนขอให้ประเทศชาติและประชาชนมีความสุข มีการพัฒนาเป็นสู่ประเทศที่มีรายได้สูงและให้ประชาชนมีความสุขปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า สิ่งเหล่านี้อาศัยการพัฒนาตามระยะเวลาที่กำหนด ในปีที่ผ่านมาใครจะมองว่าประเทศเราเจริญเติบโตได้ช้า โดยถือว่าได้พัฒนาโครงสร้างได้ไปพอสมควร ไม่ใช่ว่าจะวัดว่าว่าคนไทยมีรายได้ดีขึ้นเท่าไร จึงขอฝากไปคิดว่าจะทำอย่างไรคนไทยมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างเดียวไม่ได้ ต้องคิดว่าต้องมีทักษะความสามารถ มีโอกาสความเท่าเทียมทางโอกาส หากเข้าถึงทุกคนก็จะมีโอกาสที่จะรายได้สูงขึ้น

 

“ขอให้ช่วยกันคิด คิดแบบเดิมไม่ได้ ต้องพัฒนาตัวเองไปด้วย ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาในวันหน้า โดยเฉพาะงบประมาณในภาพรวม โดยในภาพรวมขอให้คนไทยมีความสุขมากยิ่งขึ้นมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ไม่แร้นแค้น โดยเฉพาะเกษตร และอยากให้ทุกภาคส่วนมีรายได้สูงขึ้น คนขอความขวัญจากประชาชนคือขอความร่วมมือกับรัฐบาลกับศึกษาว่ารัฐบาล การแก้ไขปัญหาความยากจนคือสิ่งสำคัญที่สุดต้องซึ่งต้องแก้ที่ตัวเอง ขอให้ทุกคนมีความสุข”พล.อ.ประยุทธ์  กล่าว

About The Author