โถ!นายกฯ’กลัวติดคุกเหมือนกัน’อ้างเพราะทุกคนอยู่ใต้กฎหมาย ใครไม่ได้รับความเป็นธรรมก็ไปฟ้องร้องฟื้นคดี
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 11 พ.ย. ที่ห้องแกรนด์ ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก ถนนวิทยุ เขตปทุมวัน กทม. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว. กลาโหม เป็นประธานพิธีเปิดงานสัมมนาและกล่าวปาฐกถา ในงานสัมมนา “ภาคธุรกิจไทย ในวิถียั่งยืน” ตอนหนึ่งว่า ผมในฐานะหัวหน้ารัฐบาลก็รู้เท่าตามความคิดของผม แต่ก็ต้อง ให้คณะทำงานไปศึกษา ผมอาจจะรู้ไม่เท่าคนทำงาน แต่ผมรู้ว่าควรจะทำอย่างไร แล้วท่านก็ไป หาทางทำมา ทำได้ไม่ได้ก็บอกผมมาแล้วแก้ปัญหากันไป โดยจะต้องยึดมั่นในหลักการสำคัญ คือทำอย่างไรจะให้เกิดความเป็นธรรม เรื่องความเหลื่อมล้ำ การกระจายรายได้ มันเป็นมา นานแล้ว แต่วันนี้ต้องมาดูว่ามีอะไรดีขึ้นบ้าง หากเรามองไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงคงไปไม่ได้ หรอก ท่านต้องเปรียบเทียบในช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมา หรือแต่ในรัฐบาลมีอะไรเปลี่ยน แปลงไปแล้วบ้าง หลายคนไม่รู้เลย หลายอย่างดูจากสื่อ หลายอย่างดูจากออนไลน์ก็ไม่รู้เรื่องอีก ลืมตาขึ้นมาดูเฟซบุ๊ก พอมีรายละเอียดก็ไม่ดูแล้วจะรู้ได้อย่างไร
สิ่งที่ทำวันนี้ถ้าเราทำอย่างรอบคอบ ทำจากการหารือ จากการเห็น ชอบร่วมกัน โดยที่ไม่ต้องเรียกร้องอะไรซึ่งกันและกันจนมากเกินไป จนดูแลไม่ได้ มันจึงจะ เรียบร้อยและสามารถทำได้ ผมไม่อยากให้ต่างประเทศมองว่าเราเชื่อมั่นไม่ได้ เราต้องการให้ เขาย้ายฐานการผลิตมาไทย แต่มีปัญหากันอยู่ทุกวัน เขาจะมาไหม นี่คือสิ่งที่ผมเป็นห่วง
ผมไม่ได้ห่วงที่ตัวผมเรื่องตำแหน่งอะไรทั้งสิ้น แต่ผมห่วงฐานะประเทศไทยจะไปอยู่ตรงไหน และถ้าเขาไม่มา ย้ายฐานผลิตไปที่อื่นกันหมดจะทำอย่างไร เรื่องสิทธิประโยชน์ก็จำเป็นต้อง รับฟังความคิดเห็นของเราว่าจะให้มากน้อยแค่ไหน มากเกินไปก็กลายเป็นเอื้อประโยชน์ ให้ น้อยเกินไปเขาก็ไม่มา การปกครองต่างกัน สังคมนิยมประชาธิปไตยกับประชาธิปไตย มันต่าง กันตรงไหนนี่คือสิ่งที่ทุกคนต้องเอามาคิด
การที่มองว่าประเทศนั้นเขาทำได้ เพราะเขามีอำนาจถึงทำได้ แต่ ผมมีอำนาจก็เหมือนไม่มี ผมไม่ต้องการอำนาจ แต่ต้องการความเข้าใจ ความร่วมมือ ที่พูดทุก วันหลายคนบอกว่าพูดเยอะ ซึ่งผมต้องการอธิบายให้ฟัง ต้องพูดตรงนี้ ไม่ได้พูดเพื่อให้อยู่ไป นานๆ ผมจะอยู่ถึงอายุ100 ปี หรืออย่างไร ที่นี่มีใครอายุ 100 ปีบ้าง หลายเรื่องเอามา พันกันจนมีปัญหาแต่มันไม่ใช่ สิ่งดีๆเรามีเยอะ ผมพูดให้ฟังไม่ได้บ่น ช่วงนี้ก็ไม่ค่อยให้ สัมภาษณ์ เพราะเห็นว่ามันยุ่งกันพออยู่แล้ว จะพูดอะไรก็เป็นเรื่องไปหมด ผมไม่ใช้ศัตรูของสื่อใดๆทั้งสิ้น จะรอดูพาดหัวว่ายังไง ผมไม่จำกัดความคิด แต่จะเขียนอะไร ระวังนิด ไม่ใช่ระวังผม แต่ระวังประเทศชาติจะเกิดความวุ่นวายและมีปัญหา
ปัญหาของเราผูกรายได้ประเทศกับการส่งออก ตามมาคือเรื่อง การท่องเที่ยว สัดส่วนที่สำคัญอีกอย่างคือ การใช้จ่ายภาครัฐ เราจึงจำเป็นต้องปรับโครงสร้าง เศรษฐกิจใหม่ทั้งหมดคิดแบบเดิมไม่ได้ อาจเหมาะสมแค่ช่วงเวลาหนึ่ง แต่ถึงวันนี้ต้องเปลี่ยน ด้วยความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชน ทั้งการค้าและอุตสาหกรรม ทั้งหมดเราต้องสร้าง ความเข้าใจในหลักการและวิธีการดำเนินการ ถ้าหลักการไม่เข้าใจก็จะเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ ไปเรื่อย หรือรัฐบาลมัวแต่แก้ปัญหาจากคำวิจารณ์ทั้งหมดคงเป็นไปไม่ได้ จะอีรุงตุงนังไปหมด ทุกขั้นตอนมีรายละเอียดและกฎกติกา
ผมก็กลัวติดคุกเหมือนกัน หรือใครไม่กลัวบ้าง ไม่มีหรอก ยกเว้นบางคนไม่กลัวก็มี ก็แล้วแต่ เพราะกฎหมายเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้คนอยู่ร่วมกันได้ในสังคม นั่นคือกฎหมายและความเท่า เทียม เพราะทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายฉบับเดียวกัน ไม่ว่าจะผมหรือใคร ส่วนที่ว่าใครจะ บอกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็ไปฟ้องร้องหรือฟื้นคดีขึ้นมา ถือเป็นช่องทางตาม ประชาธิปไตยอยู่แล้ว ถ้าจะคิดเอาเองก็เป็นแบบนี้ หลายอย่างก็จริง แต่หลายอย่างก็ไม่จริง หากจริงก็ต้องแก้ไข ก็แก้ได้ทั้งหมดให้ความเป็นธรรม ผมก็รื้อทุกอันมาให้ อย่ามองทุกอย่าง เป็นปัญหาไปหมด ปัญหาบางอย่างมีไว้ให้แก้ มีไว้ให้ฟันฝ่าเป็นบทเรียน ประวัติศาสตร์มีไว้ให้ เป็นบทเรียน เอามาศึกษาอะไรไม่ดีอย่าไปทำอีก บางประเทศที่เขาไม่ทะเลาะกันเพราะเขา เคยเผชิญหน้าแบบนี้มาแล้ว อย่างเช่นเรื่องของสงครามโลก สงครามเหนือใต้ตายเป็นล้านคน เขาไม่ต้องการให้เกิดอีก นั่นคือสิ่งที่เขาคิดแต่ของเราไม่เคยเจอแบบนี้ ผมก็หวังว่ามันจะไม่มี อยู่แล้ว
แต่เราชอบรบกันด้วยความคิด รบกันด้วยโซเชียล ก็ต้องระมัดระวัง ขอให้เรียนรู้ว่า อะไรคืออะไร ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม จะเห็นได้ว่าการทำงานที่ผ่านมาผมพยายามลงไปดู ไปจี้ ไปถาม และมีคำสั่งในกรอบของนายกรัฐมนตรี ผมไปลงรายละเอียดมากไม่ได้ ให้ข้าราชการ ทุกคนมีสิทธิ์คิด ผมและคณะทำงานก็มากลั่นกรองกันอีกครั้ง ถ้าใช่ก็ทำ ถ้าไม่ใช่ก็ต้องหาวิธี การ ผมทำงานแบบนี้ไม่ใช่ทำส่งเดชไปเรื่อย ทำขนาดนี้ก็ยังมีหลุดรอดเหมือนกัน ก็ต้องมา แก้ไข เราทำงานด้วยคณะทำงาน ผมไม่ใช่ซุปเปอร์แมน ที่จะทำคนเดียว เศรษฐกิจก็มีคนคิด หลายคน มีทั้งฝ่ายกฎหมายฝ่ายทำงาน ผมต้องฟังทุกฝ่ายกฎระเบียบ สิ่งสำคัญคือเราต้องสร้าง พื้นฐานของประเทศให้มีแบบแผนด้วยหลักการเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ใช่ไม่ใช่สอนให้คนจน แต่ให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี ตามฐานะของตัวเอง มีเหตุผลเพียงพอต่อการใช้จ่าย