ปกครองจับต่อเนื่องตร.หายไปไหน ทลายสถานบันเทิงดังเมืองร้อยเอ็ด2แห่งพบเด็ก-เยาวชน216คนยาเสพติดเกลื่อนพื้นชี้บ่อเกิดอาชญากรรม เด้ง4เสือตามสูตร

เมื่อเวลา 02.00 วันที่25ม.ค2563 กรมการปกครอง นำโดย นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยว่าที่ร้อยตรี ประสิทธิ์ ฉ่ำมณี รักษาราชการแทนนายอำเภอเมืองร้อยเอ็ด  พนักงานฝ่ายปกครองส่วนกลาง จากสำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง พร้อมกำลังสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน กว่า 100 นาย บุกเข้าจับกุมสถานบันเทิงชื่อดังกลางเมืองร้อยเอ็ด ชื่อร้าน บูซเซอร์ (BOOZER)  และร้านโดรน คลับ (DRONE CLUB)  ตั้งอยู่ ต.เหนือเมือง  อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด  ซึ่งมีการปล่อยปละละเลยให้เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ เข้าไปใช้บริการภายในร้านจำนวนมาก และยังเปิดให้บริการเกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนด เป็นเหตุให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงได้รับความเดือดร้อน

ปกครองจับผับ

ปฏิบัติการครั้งนี้สืบเนื่องจากจังหวัดร้อยเอ็ดได้รับการร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่บ่อยครั้ง ว่าสถานบริการ ชื่อ  บูซเซอร์ (BOOZER) และสถานบริการ โดรน คลับ (DRONE CLUB) ตั้งอยู่ ต.เหนือเมือง อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด กระทำการฝ่าฝืน พ.ร.บ. สถานบริการ พ.ศ. 2509 ด้วยการปล่อยเด็กเยาวชนเข้าใช้บริการ  เปิดทำการเกินเวลา และปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดในสถานบริการ  ซึ่งเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายและขัดคำสั่ง หน.คสช. ที่ 22/2558  จึงประสานกับกรมการปกครองส่วนกลาง ให้เข้ามาร่วมดำเนินการตรวจสอบสถานบันเทิงทั้ง  2 แห่ง ตามข้อร้องเรียนดังกล่าว

 

ก่อนเข้าจับกุมได้ส่งสายลับซึ่งเป็นเจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง เข้าทำการสืบสวนที่ร้านบูซเซอร์ และร้านโดรนคลับ พบว่าทั้ง 2 ร้าน มีลักษณะเป็นผับ ที่ไม่ได้เข้มงวดกวดขันตรวจบัตรประชาชนของผู้มาใช้บริการแต่อย่างใด  กลับปล่อยให้เด็กเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าใช้บริการเป็นจำนวนมาก  และจำหน่ายสุราให้กับเด็ก โดยร้านโดรนคลับมีการจัดกิจกรรมปาร์ตี้รถแห่เพื่อดึงดูดลูกค้ามาใช้บริการ

 

เมื่อได้ข้อมูลหลักฐานที่ชัดเจนจึงวางแผนปฏิบัติการจู่โจมสถานบันเทิงละเมิดกฎหมายทันที โดยเตรียมกำลังพร้อมปฏิบัติการตั้งแต่กลางดึกของวันที่ 24 ต่อเนื่องวันที่ 25 มกราคม กระทั่งเวลา 02.00 น. ทันทีที่สายลับส่งสัญญาณความพร้อม ชุดจับกุมเข้าไปถึงภายในร้านพบนักเที่ยวจำนวนกว่า  600 คน กำลังเต้นอย่างเมามันตามจังหวะของเสียงดนตรี พอนักเที่ยวรู้ว่าถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม ภายในผับเกิดโกลาหลเล็กน้อย เด็กหลายคนพยายามจะหลบหนีออกทางประตูหน้าร้าน แต่ชุดจับกุมได้วางแผนมาเป็นอย่างดี โดยส่งเจ้าหน้าที่ปิดล้อมประตูไว้ทุกด้าน จึงทำให้นักเที่ยวไม่สามารถหนีออกไปได้ เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองสั่งให้เปิดไฟแสงสว่าง ประกาศให้ทุกคนอยู่ในความสงบ

ปกครองจับผับ

จากการตรวจสอบภายในร้านบูซเซอร์ พบนักเที่ยว จำนวนกว่า 400 คน เป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปี จำนวน 138 คน โดยมีเด็กอายุต่ำสุดเพียง 13 ปี จึงส่งตัวให้ บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดร้อยเอ็ด ดำเนินการทำบันทึกวางข้อกำหนดมิให้เด็กประพฤติเสียหายต่อการกระทำผิด และแจ้งผู้ปกครองมารับตัวไปปกครองดูแลต่อไป นอกจากนี้ยังตรวจพบนักเที่ยวไม่พกบัตรประจำตัวประชาชน จำนวน 39 คน จึงส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีและเปรียบเทียบปรับ

 

ขณะเดียวกันระหว่างตรวจสอบภายในร้านร้านบูซเซอร์  ยังพบยาเสพติด ตกอยู่ประกอบด้วย ยาไอซ์ จำนวน 3 ซอง มีนายรุ่งโรจน์ วรนาม อายุ 43 ปี แสดงตัวเป็นผู้ดูแลร้าน  โดยมีนางสาวชัชวรรณณ์ ลีโรจนวุฒิกุล  เป็นผู้รับใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ  เจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง จึงได้จับกุมตัวและร้องทุกข์กล่าวโทษในฐานความผิด 1.ยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าใช้บริการ 2.ไม่ตรวจบัตร ประจำตัวประชาชนของผู้เข้าใช้บริการ 3.ไม่จัดทำประวัติพนักงานก่อนเริ่มเข้าทำงาน และ4.ยุยงส่งเสริมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร

 

ส่วนร้านโดรนคลับ พบนักเที่ยว จำนวนกว่า 200 คน เป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าใช้บริการ จำนวน 78 คน จึงดำเนินการทำบันทึกและแจ้งผู้ปกครองมารับตัวกลับบ้าน นอกจากนี้ตรวจพบนักเที่ยวไม่พกบัตรประจำตัวประชาชน จำนวน 19 คน จึงนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีและเปรียบเทียบปรับตามกฎหมายต่อไป โดยร้านโดรนคลับ มีนางสาวอรทัย ภักดีสมัย อายุ 31 ปี แสดงตัวเป็นผู้ดูแลร้าน มีนางสาวรักษยา แสงฤทธิ์  เป็นผู้รับใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ จึงได้จับกุมตัวและร้องทุกข์กล่าวโทษในฐานความผิด  1.ยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าใช้บริการ  2. ยินยอมหรือปล่อยให้มีการนำอาวุธเข้าไปในสถานการ 3.ไม่ตรวจบัตร ประจำตัวประชาชนของผู้เข้าใช้บริการ 4.ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี5.ยุยงส่งเสริมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร

ปกครองจับผับ

นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง กล่าวว่า สถานบันเทิงทั้ง  2 แห่งที่ถูกจับกุมในวันนี้  มีใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการครบทั้ง 2 แห่ง  ซึ่งการที่ผู้ประกอบการได้รับใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการนั้น คือข้อตกลงที่ผู้ประกอบการมีหน้าที่ต้องประกอบธุรกิจให้เป็นไปตามกฎหมาย หากไม่ปฏิบัติตามกฎหมายจะถูกเพิกถอนใบอนุญาต มีโทษทางอาญา และโทษทางปกครองสั่งปิดสถานประกอบการที่ฝ่าฝืนเป็นเวลา  5 ปี

 

“กรมการปกครองจะกวดขัน จับกุม ปราบปราม สถานบริการที่ผิดกฎหมายอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ผู้ประการการสถานบันเทิงควรมีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยประกอบธุรกิจให้อยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย เพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพและส่งเสริมความประพฤติเด็ก สถานบันเทิงไม่สามารถปล่อยให้เด็กเข้าไปใช้บริการได้ ซึ่งสถานที่เหล่านี้ ไม่สมควรให้เยาวชนเข้ามาใช้บริการหรือใช้เป็นที่มั่วสุม เพราะเป็นต้นทางนำไปสู่ปัญหาสังคมอื่นตามมากมายมาย เช่น สถานที่แห่งนี้ ยาเสพติดเริ่มแพร่ระบาดสู่เยาวชน เป็นบ่อเกิดของอาชญากรรมอื่นตามมา ฉะนั้นเพื่อมิให้สถานบริการเป็นแหล่งกระทำผิดกฎหมาย ผู้ประกอบการต้องปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ถูกต้อง เพราะหากผู้ประกอบการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายแล้ว จะส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคมโดยรวม”นายณรงค์ กล่าว

กฤษณะ พัฒนเจริญ
กฤษณะ พัฒนเจริญ

ด้านพ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ( ตร.) เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีทลาย “2 ผับดัง” กลางเมืองร้อยเอ็ด  ว่า ขณะนี้ พล.ต.ต.ไพโรจน์ มังคลา ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด มีคำสั่งให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดร้อยเอ็ด จำนวน 4 นาย ประกอบด้วย รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.เมืองร้อยเอ็ด, รอง ผกก.ป. สภ.เมืองร้อยเอ็ด, รอง ผกก.สส. สภ.เมืองร้อยเอ็ด และ สวป.สภ.เมืองร้อยเอ็ด พร้อมกับมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีมูลควรกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยหรือไม่ตามหลักเกณฑ์การพิจารณาเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บกพร่องในการป้องกันและปราบปรามอบายมุข แล้วเสนอสำนวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงมาเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป และหากตรวจสอบพบว่ากระทำผิดในเรื่องอื่น และเกี่ยวข้องกับข้าราชการตำรวจรายอื่นให้ประธานกรรมการรายงานโดยเร็ว

 

รองโฆษก ตร. กล่าวอีกว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กำชับทุกพื้นที่ไม่ให้ปล่อยปละละเลย อบายมุข บ่อนการพนัน สถานบริการ ยาเสพติดหรือการค้ามนุษย์ หากมีหน่วยอื่นเข้าตรวจค้นจับกุม หน่วยพื้นที่ต้องรับผิดชอบอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบว่าพื้นที่ใดมีการปล่อยปละละเลยให้มี อบายมุข การพนัน ยาเสพติด การค้ามนุษย์ และสถานบริการผิดกฎหมาย สามารถแจ้งข้อมูลมายังศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ (ศปก.ตร.) หมายเลขโทรศัพท์ 1599 เพื่อให้ตำรวจส่วนกลางเข้าไปกวดขัน จับกุม ปราบปราม และจะดำเนินการพิจารณาข้อบกพร่องในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องนั้นด้วย

About The Author