เบื่อหน่ายตั้งกก.สอบกันเอง!’สว.คำนูณ’แนะนายกฯตั้งคณะกรรมการอิสระระดับชาติสอบอัยการ-ตร.สั่งไม่ฟ้อง’บอส’จึงจะตอบโจทย์ได้
เมื่อวันที่ 28 ก.ค.2563 นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หัวข้อ ง ตอบโจทย์ให้รอบคอบและรอบด้าน ระบุว่า อัยการสูงสุด และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตั้งคณะทำงานตรวจสอบการสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ หรือบอส อยู่วิทยา ทายาทเครื่องดื่มกระทิงแดง ผู้ต้องหาขับรถชนผู้อื่นถึงแก่ความตาย มีเนื้อหาดังนี้
มีคำถามมาถึงผมว่าคณะกรรมการ 2 ชุด คือ ชุดอัยการ (7 คน) และชุดตำรวจ (10 คน) ที่ตั้งขึ้นมาช่วงวันหยุดยาวนี้ จะช่วยบรรเทาความอับอาย อึดอัด คับข้อง และคุกรุ่น ของสังคมไทย ได้หรือไม่ มากน้อยเพียงใด และถ้าไม่ได้ ใคร ควรต้องทำอย่างไร ?
ขอตอบแบบคิดเร็ว ๆ ว่า “ได้บ้าง” !
อย่างน้อยก็แสดงว่าผู้นำประเทศได้ยินเสียงประชาชน รับรู้อารมณ์ความรู้สึกประชาชน มีปฏิกิริยาตอบสนองประชาชนได้ไม่ช้าเกินไป
แต่เมื่อเทียบกับอาการของโรคแล้ว…
ก็เปรียบเสมือนคนไข้หนักจากหลายโรครุมเร้าถูกหามเข้าไอซียู อนาคตยังไม่รู้หมู่หรือจ่า เป็นตายเท่ากัน ได้รับการรักษาแค่ให้กินพาราฯกับทายาแดง จะหวังให้หายคงไม่ได้ แค่รักษาชีวิตต่ออายุยังไม่รู้จะได้ไหม ต้องรักษามากกว่านี้ ถ้าต้องผ่าตัดก็ต้องผ่าตัด เนื้อไหนร้ายต้องตัดทิ้ง แม้อวัยวะถ้าจำเป็นต้องสละเพื่อรักษาชีวิตก็ต้องตัดสินใจทำ
สังคมไทยเบื่อหน่ายกับระบบคณะกรรมการเต็มทน โดยเฉพาะกรรมการจากหน่วยเดียวกันสอบกันเอง
คิดเร็ว ๆ นะครับว่าถ้าจะยังใช้ระบบคณะกรรมการก็ต้องถึงขั้นนี้ครับ
“คณะกรรมการอิสระระดับชาติ”
“คณะกรรมการอิสระระดับชาติที่ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒินอกองค์กรอัยการและองค์กรตำรวจอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง”
“คณะกรรมการอิสระที่ประธานกรรมการต้องไม่ใช่อัยการหรือตำรวจ”
“คณะกรรมการอิสระระดับชาติที่ตั้งโดยคำสั่งนายกรัฐมนตรี”
“คณะกรรมการอิสระระดับชาติที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าพนักงานของรัฐตามประมวลกฎหมายอาญา มีอำนาจเรียกเอกสาร เรียกสำนวนการสอบสวน และบุคคลทุกฝ่ายเข้ามาชี้แจง”
“คณะกรรมการอิสระระดับชาติที่มีอำนาจตรวจสอบทั้งคดีที่เป็นปัญหา และเสนอแนะภาพรวมของการแก้ไขปรับปรุงระบบการสอบสวนคดีอาญาขั้นก่อนถึงศาล ทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยาว โดยมีระยะเวลาการทำงานเพื่อเสนอรายงานเบื้องต้นภายใน 15 วัน”
ย้ำอีกครั้งว่าต้องเป็นคำสั่งนายกรัฐมนตรี ระบุหน้าที่ อำนาจ และกรอบระยะเวลาการทำงานให้ชัดเจน
จึงจะตอบโจทย์ได้รอบด้าน
และควบคู่ไปกับระบบคณะกรรมการดังกล่าว นายกรัฐมนตรีจะต้องเร่งนำเสนอร่างพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฉบับใหม่ที่ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการชุดท่านมีชัย ฤชุพันธุ์ (ชุดที่ 2) เข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมร่วมของรัฐสภาในฐานะร่างพระราชบัญญัติเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศตามรัฐธรรมนูญมาตรา 270 โดยไม่แก้ไขหลักการสำคัญให้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติฯของรัฐสภาดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่ายตามรัฐธรรมนูญมาตรา 77 ต่อไป
จึงจะเป็นการตอบโจทย์ได้รอบคอบและรอบด้านยิ่งขึ้น
จึงจะเป็นการบรรเทาอาการอับอาย อึดอัด คับข้อง และคุกรุ่น ของสังคมไทยได้อย่างมีนัยสำคัญ